วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คำคม ข้อคิด ดีๆ เรื่อง อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า ชีวิตมันแย่

คำคม ข้อคิด ดีๆ คอยเตือนใจเรื่อง อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า ชีวิตมันแย่ มันอาจจะเป็นแค่ จุดเปลี่ยนของชีวิต ที่จะทำให้เรา ไปเจอชีวิตใหม่ที่ดีกว่า คำเตือนอย่างนี้ ช่างเหมาะสำหรับทุกท่านจริง ๆ


เชิญชม วิดีโอ คำคม ข้อคิด ดีๆ แม้เรื่องกระทบแรง แต่ อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าชีวิตมันแย่ ที่นำเสนอข้อคิดเตือนใจดี ๆ ไว้สำหรับทุกท่าน เผื่อจะได้เกิดภูมิต้านทานสำหรับการต่อสู้ชีวิต



เกริ่นนำ
สวัสดีครับ ผม สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวดี ๆ อีกแล้วครับ วันนี้ มานำเสนอเรื่อง “อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าชีวิตมันแย่” (ขอขอบคุณท่านผู้ประพันธ์ บทความ หรือวลีเด็ด คำคม ข้อคิดดี ๆ นี้ ยอมรับว่า คำประพันธ์ของท่าน เป็นข้อคิดเตือนใจ ให้กำลังใจคนได้มากมายทีเดียว) โดย จุดเริ่มเรื่อง คือ ขณะที่ผมซึ่งไม่เคยมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับ งานสอบสวน (งานที่ต้องมีความรู้และทักษะทางกฎหมายอย่างมาก) ไม่เคยได้รับการอบรมใด อยู่ ๆ ก็ได้รับเกียรติแต่งตั้งให้เป็น พนักงานสอบสวน ซะหยั่งงั้น คุณคิดว่า ขณะที่คนซึ่งพูดง่าย ๆ เลยว่า ทำงานสอบสวน ไม่เป็นเลย แล้วต้องลงไปทำมันเต็มตัวแบบปัจจุบันทันด่วนเนี่ย คน ๆ นั้น ควรจะรู้สึกยังไง ?
ผมเริ่มสตาร์ทด้วยการเป็นตำรวจชั้นประทวน เรียนจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สอบเป็นนายร้อย หรือ ชั้นสัญญาบัตรสายป้องกันปราบปรามได้ เมื่อปี 2536

เข้าทำงานที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็ก และเยาวชน ตรงนางเลิ้ง ได้ 2 ปี ก็ขอย้ายออกมา โดยต้องการอยู่ในเขตกรุงเทพฯ เหมือนเดิม แต่กระเถิบใกล้บ้านที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เข้าไปหน่อย การย้ายของผมในครั้งนั้น เกิดเรื่องตลกขึ้น เป็นเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออก ถ้าออกมันก็น่าจะ “เจื่อน” เต็มทน ส่งผลกระทบให้มีเรื่องคิดวุ่นวายในสมองเต็มไปหมด คิดว่า “แล้วนี่ตูจะทำยังไงต่อไปเนี่ย” เหตุการณ์ผกผันที่คาดคิดไม่ถึง เปลี่ยนชีวิตแรง ๆ จนไม่รู้ว่า จะทำยังไงกับมันดี นั่นแหละ คือความรู้สึกของผมในขณะนั้นเลย ทีนี้ ผมจะเฉลยเรื่องตลกให้ฟัง ที่ผมบอกว่า ผมขอย้ายไปใกล้บ้าน สถานที่ก็ต้องเป็นฝั่งธนบุรี บริเวณริม ถ.เพชรเกษม ก็จะเดินทางได้สะดวกที่สุด ผมก็ขอย้ายไปอยู่ที่ สน.หนองแขม หนองค้างพลู และเพชรเกษม ขอไปอยู่ตำแหน่ง ป้องกันปราบปราม กับ สืบสวน เพราะเคยทำมาก่อนตั้งแต่ต้น มีความถนัด ชอบ และ มีใจรัก ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2538 (เป็นวันแม่ เลยจำได้แม่น) ผมก็ได้ย้ายไปทำงานในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางบอน

พนักงานสอบสวนคืออะไร 
อธิบายอย่างง่าย ๆ คือ ตำรวจกลุ่มที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย และถูกแต่งตั้งให้ มีอำนาจในการ สอบสวน ดำเนินคดีอาญาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเขตรับผิดชอบได้ รับผิดชอบหน้าที่ไปตั้งแต่ รับแจ้งความ สอบปากคำ เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน สรุปสำนวน แล้วอาจมีงานเสริมต่อไปจนถึง ไปเป็นพยานศาล ไปติดตามพยานให้มาให้การในศาล ขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของ พนักงานสอบสวน ทั้งสิ้น

คนซึ่งไม่เคยรู้เห็น หรือสัมผัสกับคนเป็น พนักงานสอบสวนมาก่อน อาจจินตนาการกันไม่ออกว่า พนักงานสอบสวน ต้องทำงานมากน้อยอย่างไร มาเริ่มกันเลยครับ

ใน 1 วัน พนักงานสอบสวน ต้องเข้าเวร บางโรงพักเข้า 6 ชั่วโมง บางโรงพักเข้า 8 ชั่วโมง ก็แล้วแต่ความเจริญ และการบริหาร ระหว่างเข้าเวร มีเรื่องรถชน ทะเลาะทำร้ายร่างกายกัน จับคนเสพยาเสพติด ฯลฯ ก็ต้องดำเนินการแทบทุกเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีอาญาแล้ว ไม่แคล้วมักตกเป็นภาระหน้าที่ของ พนักงานสอบสวนด้วยกันทั้งสิ้น

เรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จะมากน้อยก็แล้วแต่กำลังวัน กับฮวงจุ้ย โชคดีก็น้อยราย โชคร้ายก็มากหน่อย ก็บริหารงานกันไป หมดเวลาเวร ได้พัก 18 ชั่วโมงมั่ง 12 ชั่วโมงมั่ง อย่างที่บอกต้องแล้วแต่ความเจริญ และการบริหาร งานที่รับเอาไว้ในผลัดที่เพิ่งออกมา ยังไม่ทันได้สะสาง วันรุ่งขึ้น ถึงเวลา ต้องมาเข้าเวรอีกแล้ว เรื่องใหม่ก็เติมเข้ามา พนักงานสอบสวนคนไหน ไม่สะสางงาน งานมันก็จะสะสม พอสะสมมากเข้า ไม่นานมันก็ต้องหล่นทับใส่หัวตัวเอง ได้รับความเดือดร้อนอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือเรื่องของปริมาณงาน อีกเรื่องคือความยากของงาน โรงพักไหนจับเด็กหรือเยาวชนมา ก็ต้องนำมาเข้ากระบวนการถ่ายทำวิดีโอ โดยจะมีผู้ร่วมการถ่ายทำด้วยมากมายหลายอาชีพ ยังไม่ต้องพูดเรื่องอะไร เอาแค่เรื่องที่ผมจะนัดวันถ่ายทำ ให้มีความสะดวกตรงกันทุกคนก็ยากเย็นเลือดตากระเด็นแล้ว อีกเรื่องนึงเรื่องตามพยาน พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานผ่านมาหลายปีแล้ว พยานเพิ่งได้จังหวะต้องไปให้การในศาล พอพยานคนนั้นไม่มา ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอีกแล้ว ที่ต้องไปติดตามพยานมาให้การ

พูดมาซะเกือบเยอะ ใครฟังจะหาว่า อคติมั้ย เป็นที่ผมคนเดียวมั้ย มโนไปเปล่า ทำไมงานมันเยอะมันยาก ถึงขนาดส่งผลให้ไม่มีคนอยากมาทำกันเลยเชียวเหรอ จริงรึเปล่าเนี่ย เอาที่ไหนมาพูด

ในฐานะที่ผมเคยทำงานสอบสวนมาระยะหนึ่ง ผมขอบอกเลยว่า งานสอบสวนมีปริมาณงานที่เยอะ แล้วก็มีความยากจริง ๆ สิ่งเหล่านี้นี่แหละ น่าจะส่งผลโดยตรง ทำให้คนไม่อยากก้าวเข้ามาสู่สายงาน มันก็เป็นเหตุผลง่าย ๆ อย่างนี้แหละ คือ เมื่อเปรียบเทียบการทำงานสายงานอื่น กับ สายงานสอบสวน ปริมาณงาน ความยุ่งยากของงานที่น้อยกว่ากัน มันเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลกับการตัดสินใจอย่างมาก จะเห็นได้ชัดเจนว่า แม้มีความพยายามชักจูงใจโดยให้ พนักงานสอบสวน มีเงินประจำตำแหน่งสูงกว่าสายงานอื่น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชักจูงใครให้ก้าวเข้ามา

วันได้รับการแต่งตั้งเป็น พนักงานสอบสวน
ถอยหลังไป 25 ปี ในวันที่ สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น ได้รับการแต่งตั้งไปเป็นพนักงานสอบสวน สน.บางบอน โดยไม่เคยทำ หรือ สัมผัสกับงานสอบสวนมาก่อน ไม่เคยได้รับการอบรมหลักสูตรใด ๆ ที่เกี่ยวกับการสอบสวน อาวุธติดตัวมีเพียงปริญญาตรีนิติศาสตร์ใบเดียว คุณคิดว่า ในวันที่เราต้องทำงานเกี่ยวกับกฎหมายตรง ๆ งานที่ต้องการทักษะความรู้ทางกฎหมายอย่างมาก ในขณะที่ในกระเป๋าเราไม่มีอาวุธอะไรไว้ต่อสู้เลย ผมควรจะมีความรู้สึกยังไง ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่า ตอนแรก ผมเคว้งคว้าง งง ทำตัวไม่ถูก แต่แล้ว สัญชาติคนใฝ่รู้ มองเห็นเป็นความท้าทายอยู่ตรงหน้า งานที่ไม่เคยเจอไม่เคยทำ ใครต่อใครบอกกันว่ายาก อย่างนี้ มันต้องลองกันซักตั้ง ฉะนั้น ตอนเจอเรื่องเปลี่ยนชีวิตแรง ๆ อย่างนี้ “อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าชีวิตมันแย่” มันอาจมีอะไรดี ๆ รอเราอยู่ข้างหน้าก็ได้

ช่วงชีวิตต่อจากการเป็นพนักงานสอบสวน
มันก็เหมือนกับงานทั่ว ๆ ไป ตอนเริ่มทำแรก ๆ มันก็ต้องทำไม่เป็นเป็นธรรมดา พอทำนานวันเข้า มันก็มีความชำนาญก็ทำได้เอง ประกอบกับผมเป็นคนชอบเรียนรู้ แม้ในเรื่องที่ไม่ชื่นชอบ ไม่ได้สมัครใจเข้ามาทำ แต่เมื่อบทมันส่งให้เล่น มันก็ต้องเล่นไปตามครรลองที่มันส่งให้เล่น ใช้กำลังใจของนักสู้เผชิญกับมัน ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้ หลังจากนั้น 2 ปี ผมก็มีโอกาสได้เปลี่ยนไปทำหน้าที่อื่น แต่รู้สึกว่า ผมถูกเล่นตลกซ้ำซะแล้ว ผมเคยบอกตอนแรกว่า ผมไม่ถนัดไม่เคยชอบงานสอบสวนเลย แต่กลับกลายเป็นว่า งานสอบสวนกับสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ ความรู้ทางกฎหมาย กลับติดสนิทอยู่กับผมอย่างแนบแน่นแบบแกะกันไม่ออก แล้วมันยังเป็นสิ่งที่ทำให้ใคร ๆ มองเห็นและให้การยอมรับ ในความมีตัวตนของผมซะอีก ผมมีประสบการณ์ในการตรวจสำนวนวินัย สำนวนคดีอาญา ของ สน. ต่าง ๆ ใน บก.น.9 แล้วตำแหน่งปัจจุบันของผม คือ สารวัตรฝ่ายนิติการ กองบังคับการอำนวยการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ


ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ชีวิตคน ไม่ราบรื่นเสมอไป เหตุการณ์ที่เข้ามากระทบมาเปลี่ยนชีวิตแรง ๆ มีโอกาสเสมอ เหตุ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของอยู่คู่กับมนุษย์ ไม่ตัวเราเอง ก็เป็นพี่น้อง ลูกเมีย สามีภรรยา ไม่ใครก็ใคร หลุดไม่พ้น 4 คำนี้ มันก็ขึ้นกับว่า สิ่งที่เกิดขึ้น มันเบาหนักก็ตามแต่เหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับมันไป ถึงแม้เราจะไม่ยอมรับมัน มันก็ต้องเกิดขึ้นกับเรากับญาติพี่น้องของเราอยู่ดี แล้วเราจะสู้กับเหตุการณ์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างมีกำลังใจหรือจะตีโพยตีพายโวยวายขายปลาช่อนว่า ทำไมชีวิตของเรามันถึงแย่อย่างนี้ คุณเชื่อผมเถอะ ชีวิตทุกชีวิตมันก็มีช่วงแย่ ๆด้วยกันทุกคนแหละ อย่างน้อย ๆ ตอนพ่อแม่ปูย่าตายายเสียชีวิต ถ้าเรารักผูกพันกับท่านมาก มันก็ต้องเป็นช่วงชีวิตที่เศร้า ที่ต้องสะดุด ดังนั้น การคิดอะไรอย่างถูกต้องเป็นเหตุเป็นผล ย่อมจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เมื่อเกิดเหตุการณ์กระทบรุนแรง เราก็จะรู้ว่า แล้วในที่สุดมันก็จะผ่านไป และมีรางวัลให้กับผู้ที่ไม่ยอมแพ้เสมอ



แล้วค่อยติดตามเรื่องราวดี ๆ โอกาสหน้าต่อไปครับ




วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คำคม ข้อคิด ดีๆ เรื่อง ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน พร้อมแล้วสำหรับทุกท่าน

คำคม ข้อคิด ดีๆ ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน อย่าอาวรณ์ถึงพรุ่งนี้หรือวันไหน หากวันนี้ดีได้ดั่งตั้งใจ จงมั่นใจ วันต่อไปต้องได้ดี ถ้อยคำ วลีเด็ด ที่พร้อมแล้วสำหรับทุกท่าน



เชิญชม วิดีโอ คำคม ข้อคิด ดีๆ ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน ที่นำเสนอข้อคิดเตือนใจดี ๆ สำหรับทุกท่าน เผื่อจะได้เกิดแนวคิดริเริ่มดี ๆ เพื่อตัวเอง และคนรอบข้าง








เกริ่นนำ

สวัสดีครับ ผม สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวดี ๆ อีกแล้วครับ วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง “ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน” (ขอขอบคุณท่านผู้ประพันธ์ บทความ หรือ วลีเด็ด คำคม ข้อคิดดี ๆ นี้ คำประพันธ์ของท่านเป็น ข้อคิดคำคมเตือนใจ ให้กับผู้คนอย่างมากมายทีเดียว) โดย ผมมีเรื่องที่เป็น ผลดี หรือผลสำเร็จ ซึ่งแม้มันจะเป็นผลสำเร็จที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ถ้า ผม ไม่ตัดสินใจ เริ่มทำ วันนี้ (วันที่เริ่มสตาร์ทในอดีต) ให้ดีก่อน ผมจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จใน 2 เรื่องนี้ได้เลย มาติดตามดูกันครับว่า 2 เรื่องที่ว่าคือเรื่องอะไร

1.เรื่อง สอบนายร้อย หรือ ชั้นสัญญาบัตรได้ เมื่อปี 2536
2.เรื่อง มีความรู้ภาษาอังกฤษ ในระดับที่ สามารถขายของกับคนอเมริกัน ในเว็บ อเมซอนดอทคอม ได้ และปัจจุบันกล้าเดินทางไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษแบบ ไม่กลัวอดตาย

      1. ผมสอบนายร้อย หรือชั้นสัญญาบัตร ได้ 

ผมเริ่มทำงานเป็น พลตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอนครชัยศรี เมื่อปี 2531 ตอนนั้น สิ่งที่เริ่มทำก่อนเลย คือ ลงทะเบียนเรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ทันที โดยที่ไม่รู้ว่า เรียนมาแล้วจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง รู้แต่ว่า เอาวุฒิไปสอบนายร้อยได้ ในระหว่างที่ทำงานช่วง ปี 2531 – 2535 ติดตามดูรุ่นพี่ ๆ ที่เค้ามีสิทธิสอบกัน รุ่นพี่หลาย ๆ คน พอทำข้อสอบกลับมา จะคุยกันว่า ข้อสอบเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องตอบอย่างนั้นอย่างนี้ ผมได้ยินก็คิดว่า หลายคน น่าจะสอบได้ สรุป ผมทำงานอยู่ที่นครชัยศรี 4 ปี ไม่มีใครสอบ นายร้อย เป็นตัวอย่างให้ผมได้เห็นแม้แต่คนเดียว
ปี 2535 ผมย้ายไปอยู่ สถานีตำรวจภูธรตำบลโพรงมะเดื่อ ปีนั้น ได้ยินเรื่องแปลก ได้ยินว่า มีรุ่นพี่ ยศจ่าสิบตำรวจ ทำงานที่ตู้ยามสายตรวจใกล้ ๆ สอบนายร้อยได้ ผมได้ยินก็หูผึ่งเลย แล้วคิดว่า “เออแฮะ! มันก็มีคนสอบได้เหมือนกันนี่หว่า” ทำไมตอนที่อยู่ นครชัยศรี ไม่เห็นมีใครสอบได้ซักคน 

ปีเดียวกัน ดันมีรุ่นพี่อีกคนสอบได้อีก เอาหละหวะ ผมเริ่มคิด เอ๊ะ! สอบนายร้อยนี่มันก็ทำกันได้เหมือนกันนี่ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ซักหน่อย พอปี 2536 ผมเรียนจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ มีสิทธิสอบปุ๊บ ผมขี่มอร์ไซต์ไปซื้อหนังสือจาก ร้านสูตรไพศาล ที่ซอยวัดม่วง กรุงเทพฯ มาตั้งนึง อ่านดะไปหมดเลย ไม่รู้แหละ ซื้อมาก็อ่านมันหมดแหละ คิดว่า ยิ่งอ่านมากย่อมต้องได้เปรียบมาก หน่วยงานก็ดันเปิดสอบนายร้อยปีนั้นพอดี โอ้โห! หยั่งกับเปิดต้อนรับผมเลย ตอนไปสมัครสอบ ดูหลักเกณฑ์การสอบ เห็นว่า ผมมีสิทธิสอบสายป้องกันปราบปรามได้ หนังสือที่ตอนแรกซื้อ กะจะเอาไว้สอบสายอำนวยการ พอเปลี่ยนสายได้ ก็ต้องซื้อหนังสือใหม่ ก็ไปซื้อมาอีกตั้งนึง ไม่รู้หละ ผมถือว่า การจ่ายเงินซื้อความรู้ เป็นสิ่งคุ้มค่ามาก แล้วเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อจะได้เข้าสอบได้อย่างมีความหวังสูงสุด

หลักการอ่านหนังสือของผม ไม่มีอะไรมาก ตอนนั้น ผมตั้งธงไว้ในใจก่อนเลยว่า “ผมต้องสอบให้ได้ในครั้งเดียว” จะหลับจะตื่นคอยท่องเอาไว้ มุ่งมั่นให้เต็มที่ ผมมองว่า คนเก่งแล้วก็ฉลาดอาจได้เปรียบจริง แต่มันก็วัดกันยาก ประเมินแล้ว จำนวนที่มีก็ไม่น่าจะเยอะ ผมเอาเรื่อง ความขยัน เป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินมากกว่า คือ ผมประเมินว่า โดยเฉลี่ยแล้ว คู่แข่ง อ่านหนังสือเต็มที่ก็ไม่น่าจะเกินวันละ 4 ชั่วโมง ผมจะต้องอ่านให้ได้มากกว่า หรืออย่างน้อยก็ต้องพอ ๆ กัน ถึงจะสู้กันได้ ผมต้องคอยกระตุ้นตัวเองตามธงที่ตั้งไว้ ประกอบกับ งานของโรงพักบ้านนอกไม่ค่อยยุ่ง เอื้อต่อการอ่านหนังสือ ผมบอกตามตรงเลยว่า ผมอ่านหนังสืออย่างเยอะเลย อ่านเยอะขนาดที่ 3 วันก่อนสอบ ผมคุยกับพี่สาวเรื่องธรรมดา ๆ นี่แหละ แล้วผมดันนึกคำพูดไม่ออก ผมคิดได้ทันทีว่า ผมคร่ำเคร่งอ่านหนังสือมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาต้องหยุดพักบ้างแล้วหละ ไม่งั้นเดี๋ยวติงต๊องไปซะก่อนจะยุ่งไปใหญ่ พอผลสอบประกาศออกมา ผมสอบได้ในครั้งเดียวจริงอย่างที่ตั้งใจ เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า ถ้าผมไม่ ตั้งใจทำ วันนี้ (วันที่เริ่มเรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์) ให้ดีก่อน ผมจะไม่มีทางสอบนายร้อยได้เลย


       2. มีความรู้ภาษาอังกฤษ ระดับ ขายของได้ ไปต่างประเทศได้
      ผมเรียนจบโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม จัดเป็นโรงเรียนที่มาตรฐานดีทีเดียว แต่วัน ๆ ผมไม่สนเรื่องเรียน เอาแต่เล่นแต่กีฬา ภาษาอังกฤษก็ห่วยแตก ตอนสอบเอนทรานซ์ ทำข้อสอบ 100% คุณเชื่อมั้ย ผมไม่มั่นใจว่าทำถูกแม้แต่ข้อเดียว ผมงงตัวเองมาก ทำไมภาษาอังกฤษเราถึงห่วยได้ถึงขนาดนี้ เพื่อนฝูงเค้าก็เก่ง ๆ กันทั้งนั้น สรุปได้เลยว่า ที่ผมเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ผมส่งคืนให้อาจารย์กลับไปเรียบร้อยหมดแล้ว

   ตอนทำงานที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ตรงนางเลิ้ง ผมขับรถยนต์ไปกลับบ้านที่นครชัยศรี วันนึง อยู่บนรถประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ได้จังหวะเหมาะเลย ถ้าเอาเวลามาฝึกภาษาอังกฤษ จะต้องเกิดประโยชน์มากเลย ผมเริ่มดำเนินการเลย ไปซื้อ English for you จากห้างศึกษาภัณฑ์ ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาฝึก เค้ามีทั้งหมด 96 ชุด ซื้อมาครั้งละ 5 ชุด ค่อย ๆ เรียนไปเรื่อย ๆ จบ 5 ชุด ก็ซื้อต่อไปอีก 5 ชุด 


      แบบเรียนเค้าดี เป็นหนังสือบาง ๆ แต่ข้อมูลแน่น ให้ความรู้ต่าง ๆ ดีมาก มีม้วนเทปคาสเส็ทให้ 1 ตลับ เอาไว้เปิดกับวิทยุ ผมก็ใช้เปิดในรถขณะเดินทางนั่นแหละ มีจังหวะว่าง ยังเอามาเสียบกับ ซาวด์เบ้า ฟังไปดูแบบเรียนไปด้วย ผมทำอย่างเนี่ยแบบสม่ำเสมอแค่ปีสองปี ภาษาอังกฤษผมพัฒนาขึ้นมาก จากที่บอกว่า ไปทำข้อสอบเอนทรานซ์ไม่มั่นใจซักข้อ กลายเป็นเวลาไปสอบข้อเขียน ไม่ว่าจะเป็นที่ ตำรวจท่องเที่ยว สอบไปติมอร์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ก็สามารถสอบผ่านได้ เปรียบเทียบกับตอนที่สอบเอนทรานซ์อย่างที่เล่าให้ฟัง ผมว่า ภาษาอังกฤษผมพัฒนาขึ้นมากทีเดียว 
   ต่อมา เห็นโฆษณาคอร์สสอนขายของเว็บอเมซอนดอทคอม ก็อยากขายดูมั่ง เพราะภาษาอังกฤษชักเริ่มใช้ได้ เรื่องคอมก็พอจะเป็น ก็เลยไปลองเรียนดู เรียนจบคอร์ส ค้าขายกับคนอเมริกันได้จริง โดยเราก็ไปสมัครขายของกับทางเว็บอเมซอนดอทคอมเค้า จากนั้นก็เริ่มโพสท์สินค้าขึ้นไปขาย ตอนนั้น ผมไม่เคยขายของอะไรมาก่อน ก็ต้องเอารูปสินค้าของชาวบ้านเค้ามาโพสท์ขาย พอขายได้ ก็ค่อยสั่งของส่งให้ลูกค้า เราก็เก็บส่วนต่างเอา 

     ยอดขายก็นับว่าพอได้ ตอนนั้น ผมถือว่า ขายของเว็บอเมซอนดอทคอม รายได้ดีพอสมควร แต่กฎกติกามารยาทเค้าเข้มงวดมาก เค้าให้ความสำคัญกับผู้ซื้อ มากกว่าเราผู้เป็นคนขาย ถ้าคนซื้อให้คะแนนลบ คอมเม้นท์ไม่ดีให้เรา ถ้าเป็นเรื่องแรง ๆ ทางเว็บอาจห้ามไม่ให้เราขายไปเลย แล้วตอนนั้น ผมไม่มีสินค้าตัวเอง เอาสินค้าคนอื่นมาขาย คนอเมริกัน เค้าเห็นว่า เรื่องการเอาสินค้าของคนอื่นมาขาย โดยที่เจ้าของสินค้าไม่ยินยอม เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง พอผมเอาสินค้าของเค้ามาขาย เค้าฟ้องทางเว็บ ผมก็ถูกเค้าตัดสิทธิไม่ให้ขาย ประกอบกับตอนหลัง ๆ เวลาขายของได้ ลูกค้าชอบติ ของไม่ตรง สีไม่ได้ คอมเมนท์เยอะแยะ จุกจิกมาก ประกอบกับความไม่มีเวลา ก็เลยต้องหยุดไป แต่ถ้ามีจังหวะโอกาสดี ๆ ก็อาจสมัครขายอีกก็ได้ ใครจะไปรู้

     เห็นยังครับ ถ้าผมไม่ ตั้งใจทำ วันนี้ (วันที่เริ่มเรียน English for you) ให้ดีก่อน ผมจะพัฒนาภาษาอังกฤษ จนถึงขนาดขายของกับคนอเมริกันได้มั้ย แล้วนี่ผมยังฝึกฝนต่อเนื่องเรื่อยมานะ หากจะต้องเดินทางไปต่างประเทศขอบอก สบายมากครับ


สิ่งดี ๆ ที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

เป็นไงครับ สิ่งที่ผม ตั้งใจทำ ณ วันหนึ่งในอดีต มันเกิดประโยชน์กับผม ขึ้นมาอย่างมากมายในอนาคต ทำให้ผมได้เลื่อนยศตำแหน่งสูงขึ้น มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ถ้าเกิดอยากขายของกับคนต่างประเทศอีก ผมก็ทำได้ทันทีไม่ต้องรอ ไม่ต้องศึกษาอะไรอีก แล้วคุณว่า เรื่องราวที่เราควรจะ ตั้งใจทำ มันหมดไปจากโลกรึยัง ยังมีอะไรน่าทำหลงเหลืออยู่อีกมั้ย บอกได้เลยว่า ยังมีอยู่อีกอย่างมากมาย และเมื่อทำแล้ว ผลของมันก็จะส่งผลดีต่ออนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย เรื่องที่ควรทำเป็นอันดับแรก ๆ ก็เรื่อง สุขภาพ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การฝึกสมาธิ ฯลฯ การพัฒนาตน ก็พวก ฝึกภาษาต่างประเทศ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ฯลฯ ฝึกทำอาชีพ ฝึกทำอาหาร ขนม ฝึกทำเว็บ ขายของออนไลน์ เป็นยูทูบเบอร์ ฯลฯ มีเรื่องมากมาย กำลังรอให้คุณไป ตั้งใจทำ อยู่ แล้วขออย่าไปสนว่า ทำไปแล้วจะได้อะไร คุณดูเรื่องของผมสิ ตอนเรียนนิติศาสตร์ ตอนเรียนภาษาอังกฤษ ผมจะรู้มั้ยว่า ผมจะสอบ นายร้อยได้ ผมจะขายของกับคนอเมริกันได้ ปรากฏว่า พอเรามีความสามารถมากพอ โอกาสมาถึงปั๊บ มันก็จะคลิ๊กลงตัวกันพอดี เป๊ะ! คุณคิดว่าหยั่งงั้นมั้ยครับ


แล้วมีโอกาสติดตามเรื่องราวดี ๆ ได้ใหม่ครับ