วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ปรัชญาชีวิตจริงจากความผิดพลาดของประสบการณ์ชีวิตในอดีต ตอนที่ 5


         ปรัชญาชีวิตจริงจากความผิดพลาดของประสบการณ์ชีวิตในอดีต ตอนที่ 4 ที่จบไปแล้วนั้น ได้พูดถึงความผิดพลาดของผมที่เข้าไปคลุกคลีกับวงการพนันอย่างเต็มตัว การพนันที่เข้าไปคลุกคลีตั้งแต่ยังไม่เป็น จนสามารถเล่นจนชำนาญถึงขนาดหารายได้เสริมได้เลยก็คือ สนุ๊กเกอร์ แล้ววิถีชีวิตนักเผชิญโชคอย่างผม ก็ได้บุกเข้าไปในการเล่นไพ่ ไฮโลว์ การพนันมวยไทย การชนไก่ ขึ้นกับว่า ช่วงเวลานั้น ๆ แวดวงเพื่อนฝูง แล้วก็ความสนใจของผมอยากจะไปเล่นอะไร ก็จะมุ่งไปเล่นการพนันอย่างนั้นอย่างจริง ๆ จัง ๆ จนในที่สุดคุณคิดว่า การผาดโผนในวงการพนันของผมน่าจะเป็นอย่างไร จะรุ่งหรือจะร่วง ขอเชิญติดตามเรื่องราวความผิดพลาดในอดีตของผมในตอนที่ 5  ซึ่งเป็นตอนจบของเหตุการณ์ความผิดพลาดของประสบการณ์ชีวิตในอดีตตอนนี้ บทหน้าจะเป็นบทวิเคราะห์ถึงเรื่องราวความผิดพลาดของผม ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร มีแนวทางในการป้องกัน หรือแก้ไขยังไง เอาหละครับ ติดตามเรื่องราวของตอนนี้กันได้แล้วครับ
          การชนไก่ในบ้านเรา มีอยู่ 2 แบบ การชนกันทั่วไปตามท้องถิ่นต่าง ๆ แทบทั่วประเทศ เรียก การชนไก่แข้ง กับการชนอีกแบบหนึ่งนิยมกันทางภาคใต้ เรียกการชนไก่ใต้ หรือไก่ตอ เขาเอาเขาเลียงผาเสี้ยมปลายแหลมเหมือนเข็มมาทำเป็นตอ หรือเดือยไก่ (ไก่จะมีตอ หรือเดือยเป็นอาวุธ เวลามันตีกัน มันจะเอาปลายแหลมของตอ หรือเดือยแทงไปที่ฝ่ายตรงข้ามให้บาดเจ็บ สำหรับไก่ใต้เพิ่มปริมาณความโหดขึ้นมากกว่าการชนไก่แข้ง เค้าเอา
เขาเลียงผาที่เสี้ยมปลายให้แหลมมาติดบริเวณเดือยไก่ หรือตอ เพื่อให้มันมีอาวุธใช้ต่อสู้ เหตุที่ต้องใช้เขาเลียงผามาทำ ไม่ใช้วัสดุอื่น ด้วยเขาเลียงผาเวลาแทงเข้าไปในตัวไก่ฝ่ายตรงข้ามมันจะลื่น ไม่ติดขัด) ไก่แข้งชนกันตามกติกาบ่อนใหญ่ ส่วนใหญ่ตีกัน 12 อัน (ที่เรียกช่วงเวลาตีไก่แบ่งเป็นอัน ๆ เพราะแต่เดิม การชนไก่จะจับเวลาการตีด้วยการเอากะลามะพร้าวมาเจาะรูที่ก้น เอาไปวางลอยบนน้ำ เมื่อน้ำค่อย ๆ ไหลเข้ามาในกะลาเต็มจนจมลงใต้น้ำ เวลาที่่กะลาจมนั่นแหละเค้าถือว่า ไก่ทั้งคู่ตีกันมาจนครบกำหนดเวลา 1 อันแล้ว เวลาพัก ส่วนใหญ่ก็จะมีเวลาพักเท่ากับเวลาตี ซึ่งนานพอสมควร เพื่อให้มือน้ำได้ทำเนื้อทำตัวไก่ให้สดชื่น เข้ามาตีได้ต่อไป ปัจจุบันนี้ เวลาที่ใช้ในการตีไก่มักจับด้วยนาฬิกาดิจิตอลที่มีตัวเลขให้เห็นชัดเจนแล้ว สะดวกกว่าการจับเวลาแบบเดิมด้วยกะลา เวลา 1 อันแต่เดิมจะประมาณ 20 นาที พอมาใช้นาฬิกาก็ยึดเวลาเดิมเป็นหลักคือตีกัน 20 นาที พักก็ 20 นาทีเท่ากัน จะเห็นได้ว่าการตีไก่แข้ง ไก่ต้องตรากตรำสู้กันด้วยเวลานานมาก หากตีกันจนครบ 12 อัน จะใช้เวลารวมทั้งหมดถึง 480 นาที (8 ชั่วโมง) ถ้าไก่คุณได้คู่ตีกันเที่ยงวัน สู้กันจนครบ 12 อัน เลิกชนกันก็จะมีถึง 21.00 น. นานมาก ๆ การไปเล่นไก่จึงต้องไปเล่นวันที่ไม่มีธุระอื่นเลย ไม่งั้นอย่าหวังจะได้ไปทำ การตีไก่ต้องใช้เวลาในการตีนานมาก (หลัง ๆ มา บ่อนเล็ก ๆ หรือกระทั่งบ่อนใหญ่เห็นว่าการตี 12 อัน กว่าจะได้เสียนานเกินไป จึงลดจำนวนอันลงมาเหลือ 6 อันมั่ง หรือ 3 อัน 4 อันมั่ง หรือตามแต่จะตกลงกัน) การตีไก่แข้ง จะจับแพ้ชนะกันตรงที่ไก่ตัวที่ถูกคู่ต่อสู้ตีจนวิ่งหนีร้องโอ๊ก เค้าจะจับมาประจันหน้ากันอีก 3 ครั้ง ถ้าตัวที่ร้องยังคงหนีไม่สู้ จะถือว่า ฝ่ายที่ยังคงอยากตีอยู่เป็นฝ่ายชนะ ตัวที่ร้องหนีไม่สู้ เป็นฝ่ายแพ้ หรืออีกกรณี คือไก่ถูกตีจนนอน (ต้องนอนติดพื้น) ไม่สามารถลุกขึ้นมาสู้ได้อีก หรือถูกตีจนตาย ฝ่ายที่ไม่ลุก หรือตายก็จะเป็นฝ่ายแพ้ (ไก่บางตัวใจสู้มาก ถูกตีเท่าไหร่ก็ไม่หนี จนคู่ต่อสู้ตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าตายคาที่่ ผมเห็นมากับตา แต่กรณีที่ไก่ยอมให้ตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ยอมหนี หรือร้อง อาจไม่ใช่ว่าไก่ใจสู้ก็ได้ เพราะเดี๋ยวนี้ ยาไก่สรรพคุณดี ๆ มีเยอะมาก สามารถช่วยให้ไก่ยืนหยัดสู้จนครบ 12 อันได้ (ถ้าไก่ยืนจนครบ 12 อัน หรือครบอันตามที่ตกลงกัน ถือว่าเสมอ มีไก่จำนวนมาก ถูกตีลำคออย่างหนัก คอของมันจะอักเสบจนไม่สามารถยกหัวขึ้นมาได้ ไก่จะยืนด้วย 2 ขาตามปรกติ แต่คอจะตกหัวจะก้มต่ำเกือบถึงพื้น ส่วนใหญ่ไก่จะตอบโต้ไปตามสัญชาตญาน เพราะไม่สามารถมองอะไรได้ตามปรกติแล้ว อาการดังกล่าวนักเล่นไก่เค้าเรียกกันว่า เป็นแม็คโคร (เรียกตามลักษณะไก่ที่ท่าทางดันไปคล้ายกับรถตักดินที่เราเรียก แบ็กโฮ หรือแม็คโครนั่นเอง) ถ้าไก่ฝ่ายที่เป็นแม็คโคร สามารถยืนอยู่จนครบกำหนด 12 อันได้ ก็ถือว่าไม่มีการแพ้ชนะ ไก่ชนนี่แปลก อย่านึกว่าไก่ตัวที่ถูกตีจนเป็นแม็คโครจะแพ้เสมอไป ไก่ตัวที่ยังตีได้เป็นปรกติ ตีไก่ที่เป็นแม็คโครนานเข้าจนมันท้อ ไก่ตัวที่ยังดีอาจจะหนีไปเองถูกจับแพ้ไปเลยก็มี กรณีนี้มีให้เห็นบ่อย ผมเองยังเจอคู่นึงเลย ผมเล่นไก่ฝ่ายที่ถูกตีจนเป็นแม็คโครตัวหนึ่ง ตอนมันเกิดอาการแม็คโคร ไม่ตอบโต้อีกฝ่ายแล้ว ทำใจกะว่า ไง ๆ ต้องจ่ายตังค์แน่แล้ว ตีกันมาจนใกล้จะจบอันที่ 12 ตัวที่ผมเล่นอยู่ก็ยังยืนไม่หนีไปไหน ไก่ตัวที่ยังดี พอเห็นไก่แม็คโครก้มหัวต่ำ บางทีถึงกับยืนจ้องมองเฉย ไม่รู้จะทำอะไรกับไก่แม็คโครดี ไก่จำนวนมาก จะตีไก่ที่ก้มหัวต่ำเป็นแม็คโครอย่างนี้ไม่เป็น พอตีไม่เป็น กระโดดตีก็ไม่ถูกจุดสำคัญพอที่จะเติมอาการไก่ที่เป็นแม็คโครให้แย่ลงได้  ตีไปนานเข้าไก่ตัวดีถอดใจ วิ่งหนีโดดออกนอกสังเวียนไปดื้อ ๆ ผมซึ่งน่าจะเป็นฝ่ายเสียตังค์กลับได้ตังค์จากไก่ที่ถูกตีจนเป็นแม็คโคร ขำกลิ้ง
การชนไก่ไทย หรือไก่แข้ง
การชนไก่ไทย หรือไก่แข้ง

















ต้องการดูรายละเอียดรูปภาพดูได้ที่ http://bit.ly/1kKGjZ4
มา พูดถึงไก่ใต้ หรือไก่ตอที่บอกว่าเค้าเพิ่มปริมาณความโหด โดยการเอาเขาเลียงผาเสี้ยมปลายแหลมมาทำเป็นตอ หรือเดือยไก่ แทนตอ หรือเดือยไก่ธรรมชาติ เมื่อเอามาตีกัน บางทีโดดสวนกันทีเดียว ไก่ตัวนึงล้มนอนม่องเท่งไปแล้ว พอกรรมการจับแยกดู ตอหรือเดือยไก่เทียมเสียบคาอยู่ที่หน้าอกของไก่ตัวที่นอนเด๊ดสะมอเร่นั่นเอง ดังนั้น ไก่ใต้ใช้เวลาในการต่อสู้น้อยมาก เขากำหนดให้ตีกันเพียง 2 อัน เวลาตีเวลาพักคงเหมือนกัน เท่าที่ผมเคยดู หลายคู่กระโดดใส่กันเพี๊ยะเดียว ม่องแล้ว ไก่มันตีกันเร็วจนเรามองไม่ทัน เป็นไง ความโหดพอได้มั้ย สิ่งที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งคือ ไก่ใต้เหล่านี้เป็นไก่พื้นเมืองบ้านเราก็จริง แต่เชื้อสายการพัฒนาพันธุ์ก็มักจะเลี้ยงกันทางปักษ์ใต้ ไม่ใช่สายพันธุ์เดียวกับไก่ชนที่นำมาชนไก่แข้ง ไก่ใต้เหล่านี้สวยงามมาก ขนยาว สีสวย ลักษณะการยืนงดงามอย่างไก่ฟ้า แต่พอเอามันมาตีแบบไก่ใต้ เดาได้เลยอีกเดี๋ยวไม่มันก็คู่ต่อสู้ต้องม่องเท่งแหงแก๋ เสียดาย ใครที่ชอบความซาดิสม์แบบนี้ หาดูกันได้จากคนใต้ที่เค้ามาอยู่แถวบ้านคุณ ส่วนใหญ่เค้าจะรู้ว่า มีการชนไก่ใต้กันที่ไหน ส่วนการที่คุณจะไปเล่นพนันกับพวกเค้า ขอฝากว่า คุณควรมีเพื่อนคนใต้ช่วยเล่นช่วยจับให้คุณ ภาษาที่เค้าพูดกันภาษาใต้ล้วน ๆ พูดเร็ว และเล่นกันเร็วมาก อย่างที่บอกพอเอาไก่ประจันหน้าโดดเข้าหากันอาจเกิดแพ้ชนะแล้ว ไม่แน่จริงอย่าเพิ่งไปเล่นเลย ศึกษาให้ดีหน่อยค่อยเล่นจะดีกว่า ผมเป็นนักสู้สิบทิศยังไม่กล้าเล่นเลย กลัวหมดตูด สงสารกระเป๋าช่วงนั้นที่มีอาการผอมแห้งแรงน้อยเป็นประจำ

 
เขาเลียงผาที่เอาไว้ติดที่เดือยไก่ใต้
























ต้องการดูรายละเอียดรูปภาพดูที่ http://bit.ly/1b8Df5w
มวยไทย กับการชนไก่มีการเล่นพนัน และรายละเอียดคล้ายกัน คือ ทั้งมวยไทย และไก่ต่อสู้กัน 2 ฝ่าย มวยแบ่งฝ่ายกันเป็นฝ่ายแดงกับน้ำเงิน ไก่แบ่งฝ่ายกันเป็นเขียวกับแดง การต่อสู้กำหนดเวลาการต่อสู้ เวลาพักชัดเจน มวยชกกัน 5 ยก ชก 3 นาที พัก 2 นาที (ผมเคยทดลองชกมวยสากล ชกกันแค่แป๊บเดียวแทบรากเลือด โดนหมัดทีมึนตึ้บ สะเทือนไปทั้งตัว การชกกันระดับอาชีพ ต้องถูกอาวุธคู่ต่อสู้อย่างหนักหน่วง แต่ละฝ่ายจ้องเข่นฆ่าฝ่ายตรงข้ามเพื่อเอาชนะอย่างจริงจัง ต้องทนเจ็บขนาดไหน นักมวยจึงมีชื่อเรียกกันอีกชื่อว่า ผู้พิชิตความเจ็บปวด) ไก่ตีกันทั้งหมด 12 อัน หรือหากเห็นว่านานไป อาจตกลงให้เหลืออันน้อยลงเป็น 3 - 6 อันได้ (3 อันต่ำสุด น้อยกว่านี้โอกาสเสมอ หรือยกจะสูง ไม่ได้เสียกัน ไม่สนุก) ไก่ตีกัน 1 อัน 20 นาที พักก็ 20 นาทีเหมือนกัน (การตีไก่ต้องพักนาน เพราะการพักเพื่อทำเนื้อทำตัวไก่มีกิจกรรมเยอะมาก ตั้งแต่ต้องเอาไก่มาประคบความร้อน เพื่อให้ไก่คลายความเจ็บปวด ต้องไขหัวขับเลือด (ไก่ตีกันจะถูกทำร้ายบริเวณหัวอย่างหนัก หัวไก่จะมีเลือดคั่ง มือน้ำต้องผ่าหนังหัวไก่เล็กน้อยคัดเลือดที่คั่งอยู่ในหัวไก่ออกมาจนหมด บางทีคัดเลือดด้วยการบีบธรรมดาเลือดไม่ออก ต้องใช้เครื่องช่วย เครื่องช่วยคืออะไรหรือครับ ก็ปากเรานี่แหละดูดออกมา คนเล่นไก่ชนดูดเลือดจากหัวไก่กันเป็นปรกติ ไม่กลัวว่าจะติดเชื้อ ติดโรคอะไรทั้งสิ้น (ไม่ว่าจะเป็นหวัดนก หวัดไม่นก ไม่เห็นมือน้ำกลัวกันซักคน ใช้ปากดูดหัวไก่ตลอด แล้วก็ไม่เห็นเค้าจะเป็นอะไรกันเลย) เมื่อคัดเลือดหัวออก ไก่จะสดชื่นขึ้น พร้อมจะลงสู้ในอันต่อไป) ถ้าไก่ถูกตีเข้าบริเวณใกล้ตาอาจต้องเย็บดึงหนังตาให้ตึง ถูกตีปากหัก ต้องเอาเชือกถักรัดปากให้คงรูปไว้ (ถ้าไก่ไม่มีจะงอยปากจะตีไม่ได้ ไก่จะต้องใช้ปากคีบขนฝ่ายตรงข้ามก่อนโดดขึ้นตี ถ้าไม่มีปากมันจะไม่ตีเลย) แล้วยังต้องให้ไก่มันนอนพักเอาแรง ไก่มันอึดมาก ตีกัน 12 อัน อันละ 20 นาทีนี่ ต้องสู้กันอย่างเต็มที่ตลอด ไม่มีการพักติ๊ดชึ่งได้เหมือนคน ผมคิดว่า ไก่ชนเป็นสัตว์ที่โคตรอึดชนิดหนึ่งในโลกทีเดียว การไปเล่นไก่ชนแต่ละครั้ง ไม่ควรมีธุระคั่งค้างเด็ดขาด ไม่งั้นคุณอาจไม่มีจังหวะกลับมาทำธุระ เพราะไก่อาจใช้เวลาวันนั้นจนหมด (ไก่ตีกันใช้เวลาตลอดการตี และพัก 12 อัน 480 นาที เท่ากับ 8 ชม. เริ่มตีเที่ยง จะไปสิ้นสุดการตีก็ 21.00 น. หมดวันพอดี) และการเล่นเดิมพันกัน ก็ใช้การต่อรองราคาเหมือน ๆ กัน (การต่อรองราคานั้น เป็นวิธีการที่นิยมใช้ในการเล่นการพนันหลากหลายวงการ ทั้งมวยไทย ไก่ชน วัวชน บอลไทยบอลต่างประเทศ ผมว่ามันก็ค่อนข้างจะยุติธรรมดี คือ ฝ่ายต่อเป็นฝ่ายเลือกข้างที่ต้องการเล่น เมื่อตัวเองเป็นฝ่ายเล่น ก็จะต้องเลือกเล่นฝ่ายที่มีโอกาสชนะมากกว่า แต่ก็ต้องแลกประโยชน์กับฝ่ายที่รองบ้าง คือ ฝ่ายต่อเมื่อเลือกฝ่ายที่มีโอกาสชนะมากกว่าตามสายตาแล้ว ฝ่ายต่อต้องยอมเสี่ยงลงเงินมากกว่าฝ่ายรอง ตามแต่ราคาที่ตกลงกัน ราคาต่อรองสูงขึ้นมากน้อยก็ตามแต่การจัดคู่ต่อสู้มา แล้วก็สถานการณ์ในขณะต่อสู้นั้นห่างกันมากน้อยแค่ไหน ห่างหรือเหนือกว่ากันมาก ราคาฝ่ายต่อก็จะสูงมาก ห่างชั้น หรือเหนือชั้นกว่าไม่มาก ราคาต่อรองก็จะต่ำลงมา ตัวอย่างง่าย ๆ เกี่ยวกับราคาต่อรองต่ำ ๆ คือ แรกเริ่มการต่อสู้ คู่ต่อสู้ทั้ง 2 ฝ่ายจะเข้าจด ๆ จ้อง ๆ กันกลางเวทีดูเชิงกันก่อน ยังไม่ออกอาวุธกัน เปรียบแล้ว โอกาสการแพ้ชนะจะไม่ห่างกันมาก ราคาต่อรองจะต่ำหรือเสมอไหนเสมอกัน ช่วงแรกเริ่มนี้ส่วนมากนักเล่นจะเล่นฝ่ายไหนตามความชอบ จนเมื่อมีการออกอาวุธออกมาสวย ๆ ซักดอก 2 ดอก คนเล่นที่เห็นการออกอาวุธแล้วชอบ จะเริ่มต่อราคาเสนอให้คนอื่นรอง ส่วนใหญก็จะต่อราคาเริ่มกันที่ 5 ต่อ 4 (คนต่อต่อว่าฝ่ายที่ตนชอบจะชนะโดยยอมลงเงินเดิมพัน 5 ส่วน โดยให้คนที่รองเสียเงินเดิมพันน้อยกว่าเพียง 4 ส่วน ถ้าคนต่อเล่น 100 บาท คนรองก็ต้องเล่นด้วยเงิน 80 บาท) แล้วก็รอดูกันไป การต่อสู้อาจจะออกไปในแนวฝ่ายต่อยังคงทำแต้ม ออกอาวุธชัดเจนสวยงาม ราคาก็อาจต่อสูงขึ้นไปตามลำดับ เช่น 3 ต่อ 2, 7 ต่อ 4, 5 ต่อ 3 จากนั้นก็จะไป 2 ต่อ 1, 3 ต่อ 1 หรือหากคนดูเห็นว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำอย่างหนัก เช่น มวยถูกนับแล้วไม่ออกอาวุธตอบโต้เลย (มวยสากลต่างกับมวยไทยมาก เรื่องการถูกอาวุธของคู่ต่อสู้จนถูกนับ มวยสากลไม่มีผลต่อการแพ้ชนะมากนัก คำนึงถึงการออกอาวุธหนักหน่วงชัดเจนเป็นสำคัญ ในขณะที่มวยไทย หากถูกอาวุธของคู่ต่อสู้จนนับ ถ้าไม่สามารถตอบโต้อีกฝ่ายกลับจนได้นับคืน หรือตอบโต้จนเห็นว่า อีกฝ่ายเสียเชิงมาก ๆ แทบจะไม่มีโอกาสได้รับการชูมือในการต่อสู้ครั้งนั้น) หรือกรณีไก่ถูกตีตาบอด ฯลฯ โอกาสการแพ้ชนะเกิดขึ้นสูงมาก ใครเห็นก็แทบจะรู้ว่าฝ่ายไหนน่าจะชนะ เมื่อผู้ต่อเลือกฝ่ายในการเล่นแล้ว จึงต้องเสนอราคาตอบแทนจูงใจให้คนเล่นอีกฝ่ายหนึ่งสูง ๆ จึงจะได้เล่นกัน ถ้าการต่อสู้ใกล้แพ้ชนะ ดันต่อราคาต่ำ เค้าก็ไม่รอง เห็นราคาไม่น่าเสี่ยงเล่น ราคาการต่อรองอาจสูงขึ้นไปมากถึงขนาด 100 บาทเอาบาทเดียว (บางคนพูดติดตลกว่า 100 บาทเอาขี้หมากองเดียว) ถ้าการต่อสู้ราคาไปถึง 100 ต่อ 1 อย่างนี้แล้ว ยากที่ฝ่ายรองจะตอบโต้กลับจนชนะได้ แต่ใด ๆ ในโลกล้วนอนิจจัง การชกมวย หรือการตีไก่ เคยทำเอาเกิดเสียงเฮแทบถล่มทลายมาแล้วด้วยฝ่ายที่น่าจะแพ้แน่ ๆ เกิดเหวี่ยงหมัดมั่ว ๆ หรือไก่ที่น่าแพ้ โดดตีส่งเดชถูกจุดสำคัญจนฝ่ายตรงข้ามสลบเหมือด หรือเผ่นหนีไม่กลับมาสู้อีก อันนี้บรรดาท่านรองทั้งหลายก็จะยิ้มแก้มปริกันถ้วนหน้า สมตามตำรา "เซียนอยู่รู หมูอยู่ตึก" (พวกเซียนพนันจะกล้าต่อราคาในการพนันมาก ราคาต่อแพง ๆ 10 ต่อ 1 หรือ 100 ต่อ 1 พวกนี้ก็จะไม่กลัว เรียกว่าการต่อเก็บ ส่วนใหญ่พวกนี้จะได้ตังค์ตลอด เพราะ มวยไทย หรือไก่ตามสภาพราคาต่อสูงขนาดนี้ จะกลับมาชนะก็ด้วยฟลุ๊กเท่านั้น นานชาตินึงจะพลิกกลับมาชนะได้ซักตัวนึง แต่อย่างที่บอก ตราบใดที่มวยยังชก ไก่ยังตี อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น พอฝ่ายเป็นรองเยอะ ๆ กลับมาพลิกชนะ บรรดาเซียนที่ต่อเก็บทั้งหลายก็ต้องย้ายนิวาสถานไปอยู่ในรู บรรดาหมูที่ชอบเล่นพนันมวยฝ่ายรองก็ได้ตังค์ไปซื้อตึกอยู่)

 
การชกมวยไทย















ต้องการดูรายละเอียดรูปภาพได้ที่ http://bit.ly/1bUXOO2
          นักเล่นพนันจะมีอยู่ 2 พวก พวกนึงเล่นได้ตังค์ กับอีกพวกนึงเล่นไม่ได้ตังค์ พวกเล่นได้ตังค์ที่อาศัยความรู้พื้นฐาน ประสบการณ์การเล่น อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังนั้น มีน้อยมาก ส่วนใหญ่พวกเล่นได้จริง ๆ มักเอากันทางลัดเลย คือ โกงกันเลย ถ้าวงการมวยไทยก็จ้างล้ม ซื้อกรรมการ ฯลฯ สำหรับไก่ก็ทำนองเดียวกัน คนที่เล่นเก่ง ประคบประหงมดูแลไก่ดี ใช้ความรู้ความสามารถจริง ๆ เล่นแล้วได้ตังค์ มีค่อนข้างน้อย ที่ผมเห็นด้วยตัวเองกับตา 2 ครั้ง จำได้แม่นทีเดียวว่า ตาลุงคนหนึ่งตัวผอมแกร่ง ผิวคล้ำ แกอุ้มไก่เข้ามาตีเงียบ ๆ แต่ผมมองเห็นความไม่ธรรมดาของแก ไก่แกสวย รูปร่างเพรียว ดูการจับการอุ้มไก่ ดูแล้วมันบอกไม่ถูก เหมือนแกกับไก่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาก คุณคงเคยเห็นอะไรที่คล้ายกับผมอย่างนี้ คือ คนที่เดินมาก็ไม่ได้แสดงท่าทีมีดีอะไร แต่พอเราเห็นเค้าคนนั้น รู้สึกเหมือนมีอะไรพิเศษซ่อนอยู่ข้างใน ถ้าเป็นเรื่องยุทธภพ ต้องบรรยายออกมาว่า รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตาลุงแน่ แกตีกันให้เห็นครั้งที่ 1 แกตีราคาไม่แพง ตั้งแต่เริ่มตีจนไก่แกเกือบจะชนะ แกก็ไม่สนใจเล่นราคาเพิ่ม ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่เห็นแกจะตื่นเต้นกับการชนะของไก่เลย ผมสิ พอชักชอบท่าทางตาลุงกับไก่แก พวกนักเล่นที่เคยเห็นรู้จักแกมาก่อน มามุ่งเล่นฝ่ายแกเต็มที่จนฝ่ายคู่ต่อสู้ หรือคนที่จะเล่นฝ่ายตรงข้ามเอะใจว่า เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมใครต่อใครเล่นแต่ไก่ตาลุง เลยแหยงไม่กล้าเล่นด้วยไปเลย ผมเลยอดได้ตังค์คู่นี้ไป เป็นไปตามคาดจริง ๆ พักเดียวเท่านั้น ไก่ตาลุงหวดไก่ฝ่ายตรงข้ามลิเกเลิกไปเลย (ผมเคยใช้การสังเกตคนอุ้มไก่เข้ามาตีนี่แหละ ดูแล้วเห็นฝ่ายหนึ่งเก๋าเกมส์กว่า อีกฝ่ายท่าทางยังเด็ก เข้าบ่อนไก่เอะอะมะเทิ่ง มองแล้วรู้เลยว่า เพิ่งหัดเล่น ผมเล่นเดิมพันฝ่ายเก๋ากว่าโดยไม่ต้องดูไก่ตีเลย พักเดียวม้วนเสื่อกลับบ้าน (ตรงตามตำราเป๊ะ เวลามาเหมือนไก่จะบิน เวลากลับเหมือนห่าจะกิน การสังเกตสิ่งรอบตัวก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย) ผมมีโอกาสเห็นไก่ตาลุงตีกับซุ้มใหญ่ทางหนองแขม พวกนี้มากันเป็นกลุ่มเบ้อเร่อ การเล่นของซุ้มใหญ่พวกมาก มีผลทำให้ราคาไม่เป็นไปตามจริงได้เหมือนกัน ผมเห็นไก่ตาลุงตีหลังไก่ทางหนองแขมหนัก ๆ หลายครั้ง เจ้าของไก่ทางหนองแขมไม่สน หรือทำมองไม่เห็น (อาจคิดว่าแผลตีหลังเห็นผลช้า น่าจะตีไม่ทันไก่ของตัวที่ตีหน้าตีตา) ราคาการเล่นยังคงเป็นของไก่ทางหนองแขม ตีกันไปหลายอัน ไม่ว่าไก่ทางหนองแขมถูกตีหลังยังไง ราคาก็ยังเป็นของไก่ที่มาจากหนองแขม ส่วนสำคัญที่ไก่ทางหนองแขมยังเป็นต่อเพราะไก่ตัวนี้ตีหูตีตา คนที่ถือหางหวังจะชนะก็แผลตีหูตีตานี่แหละ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาหวังไว้ก็เกือบเป็นจริงขึ้นมาจนได้ เมื่อไก่ตาลุงพลาดโดนตีเข้าบริเวณใกล้ลูกตา ทำให้มันตามืดไปชั่วขณะ เวลาไก่ตามืดเราจะรู้เลย เพราะมันจะไม่ตีฝ่ายตรงข้ามแม้มันจะหันไปมอง แสดงว่ามันมองไม่เห็นแล้ว ผมที่ชื่นชอบฝ่ายตาลุงเล่นไว้หลายตังค์เหมือนกันต๊กกะใจเลย นึกว่าซวยแล้ว บอดอีกแล้ว (ผมเคยเล่นไก่ที่รูปร่าง ลำหักลำโค่นดีตีได้เปรียบ ดันโดนตีเข้าตา จบเห่เลย) ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างตาลุง ไก่ของแกโดนตีเพียงเฉียด ๆ ลูกตา ไม่ได้เข้าเบ้าตา ที่มันมองไม่เห็นเป็นอาการตามืดเพียงชั่วขณะ ตี ๆ ไปพักนึงตาก็กลับมาเห็น ออกอาวุธทุบหลังโต้ไปหนัก ๆ เหมือนเดิม แต่โต้ยังไงราคาก็ไม่กล้าไหลมาฝั่งตาลุงแล้ว เพราะไก่ดันมาทำตามืดให้เห็น ไก่ตาลุงมีอาการตามืดอีกครั้ง สองครั้ง พอตีต่อไปเรื่อย ๆ อาการมืดของตาก็ฟื้นกลับเป็นปรกติ ตีกันต่อไปเรื่อย เชื่อมั้ยครับ ไก่ทางหนองแขมขนาดโดนตีจนเกือบจะแพ้ ราคายังไม่ไหลไปทางไก่ตาลุงเลย อย่างที่บอก การเล่นเป็นกลุ่มใหญ่มีอิทธิพลอาจทำให้ราคาไม่เป็นไปตามจริงได้ ไก่ทั้งคู่ตีกันเกือบครบ 12 อันทีเดียว ทั้งคู่สู้กันสมน้ำสมเนื้อมาก ในที่สุดก็เป็นไปตามที่ผมคาด แผลตีหลังของไก่ตาลุงออกฤทธิ์ทำเอาไก่ทางหนองแขมเจ็บลึกอย่างหนักเผ่นหนีไปดื้อ ๆ กรรมการจับมาประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้ามสามครั้ง ไม่มีท่าจะสู้ต่อ ถูกจับแพ้ไปตามระเบียบ นี่คือตัวอย่างของผู้ที่ใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะทางที่น้อยคนจะทำได้เหมือนตาลุง พวกที่ได้ตังค์จริงส่วนใหญ่ใช้การโกงกันซะมาก ทำนองไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล โกงกันทุกอย่างที่ทำได้ ทั้งเอายาให้กิน อาจใส่น้ำ ใส่อาหาร จ้างคนวางยา ฯลฯ การตีกันแต่ละครั้งทุกซุ้มจึงมีหน้าที่จัดคนเฝ้าไก่อย่าให้คลาดสายตา ถ้าฝ่ายตรงข้ามดีดอาหารที่ใส่ยามาให้ไก่กินล่ะ จบเห่กันพอดี อีกพวกที่เล่นแล้วไม่ได้ตังค์ก็คนเล่นทั่วไปนี่แหละ นักเล่นส่วนใหญ่ที่เห็นหน้าสลอนในโทรทัศน์น่ะ ถ้าไม่ใช่คนกลุ่มน้อย ๆ ที่ผมบอก นั่นแหละพวกเล่นไม่ได้ตังค์ทั้งนั้นแหละ (เล่นได้ฉลอง เอาตังค์ที่ได้ไปทิ้งซะส่วนนึงก่อน พอเล่นเสียคราวนี้ก็ต้องกู้แล้ว ถ้าไม่กู้อาจถึงกับต้องแย่งข้าวหมาแ...ก)
           มวยไทย หรือไก่ก็ตาม จะมีคนเล่นที่ค่อนข้างได้เปรียบคนอื่น ตามที่ผมเคยเล่ามา เมื่อความรู้พื้นฐานมีครบ ความชำนาญพื้นที่ การรู้จักผู้คน ฯลฯ พวกนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเซียนมวย เซียนไก่ เค้าจะได้เปรียบพวกโนเนมมาก (ผมนี่แหละ เวลาเข้าไปเล่นใหม่ ๆ พวกเห็นเข้าน้ำลายยืดเก็บอาการแทบไม่ทัน) จะสาธยายให้คุณพอจะมองเห็นภาพได้คือ เซียนเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีนักมวยเอง หรือต้องเลี้ยงไก่เอง เค้าจะมาเล่นทุกครั้งที่สนาม หรือบ่อนเปิด เค้าจะรู้จักนักเล่นด้วยกันมาก เมื่อเจอคนที่ค่อนข้างสนิท มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ทำให้รู้ข้อมูลเบื้องต้นว่า วันนี้ มวยคู่ไหนใครซ้อมดี ซ้อมไม่ดี สู้ไม่สู้ คู่ไหนมีข่าวไม่ดีว่าจะล้ม หรือหากเป็นไก่ก็จะรู้ประวัติไก่บางตัวว่าตีเก่ง ตีหนัก ตีชัก เจ้าของสู้เต็มที่ เดิมพันไม่อั้น ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้ มือใหม่ไม่รู้แล้วก็ไม่สนใจหรอก ทั้งที่มันอาจสำคัญขนาดทำให้มวยหรือไก่เกิดแพ้ชนะได้ทีเดียว พอเค้ารู้ข้อมูลเด็ด ๆ มากกว่ามือใหม่ การเล่นต่อรองของเค้าชำนาญกว่า สามารถต่อรองได้อย่างรวดเร็ว การเล่นต่อรอง บางครั้งต้องตัดสินใจเร็ว ถ้าช้าคุณอาจเล่นไม่ทัน หรือไม่กล้าเล่น เพราะราคาขึ้นไปสูงไม่คุ้มเสี่ยงไปแล้ว ในการเล่นพนัน พวกเซียนนี่แหละ จะเป็นพวกชี้นำราคาต่อรอง จากข้อมูลที่มี กับความชำนาญในการเล่น ทำให้เค้าดูแล้วประเมินราคาต่อรองเสนอออกสู่วงนักเล่นได้เร็ว การเสนอราคาทำโดยวิธีการชูมือ มือข้างไหนก็ได้ที่ถนัด เมื่อชูมือแล้วก็ต้องร้องกำกับด้วย คนเล่นอื่นจะได้รู้ว่า เซียนคนนี้จะเล่นข้างไหน ท่าทางมือที่เซียนเสนอราคาคร่าว ๆ เช่น เซียนต้องการเสมอฝ่ายแดง เซียนก็จะโบกมือไปที่ฝ่ายแดง ร้องเสมอแดง ต้องการเสมอน้ำเงินก็โบกมือไปทางฝั่งน้ำเงิน แล้วร้องเสมอน้ำเงิน เมื่อคู่ต่อสู้สู้กันไปจนเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ราคาต่อรองเพิ่มขึ้นมาเป็น 5 ต่อ 4 เซียนจะยกมือขึ้นมาแบมือตั้งให้นิ้วมือทั้ง 5 ชี้ขึ้นข้างบน แล้วงอนิ้วโป้งลงไปที่ฝ่ามือรัวๆแล้วร้องเล่น ถ้าเซียนเล่นฝ่ายแดงจะร้อง แดงต่อ 54 (อ่านห้าสี่) ถ้าเล่นฝ่ายน้ำเงินจะร้อง น้ำเงินต่อ 54 ถ้าบังเอิญเซียนคนนั้นอยากเล่นฝ่ายรอง เนื่องจากค้านสายตาคนอื่นที่กำลังชอบฝ่ายที่ตนไม่ชอบ เช่น คนอื่นชอบฝ่ายแดง แต่เซียนชอบฝ่ายน้ำเงิน เซียนจะแบมือหงายแล้วงอนิ้วโป้งเข้าฝ่ามือ ร้องว่า 54 รอง ถ้ามีใครต่อ 54 มาตรงกันก็ได้เล่น การจัดมวยกับไก่ให้ดูสนุกมวยกับไก่ต้องสูสี ไม่ห่างชั้นกันมาก การต่อสู้จะพลิกไปพลิกมา เดี๋ยวราคาอยู่ฝ่ายหนึ่ง สักพักราคาหันกลับมาอยู่อีกฝ่ายหนึ่ง ทำให้เซียน หรือคนที่ชำนาญในการเล่นแล้ว ออกตัว (การเล่นออกตัว หมายถึงเราเล่นฝ่ายหนึ่งอยู่ด้วยเงินจำนวนหนึ่ง สมมุติว่า เราเสมอแดงไว้ 1,000 บาท แล้วปรากฏตามรูปมวยว่า ฝ่ายแดงที่เราเล่นต่อสู้ได้เปรียบไปมาก จนราคาเป็นต่อขึ้นไปหลายขั้น (ราคาต่อรองไล่ไปเป็นลำดับขั้นตั้งแต่เสมอไหนเสมอกัน ขึ้นไป 5 ต่อ 4, 3 ต่อ 2, 7 ต่อ 4, 5 ต่อ 3 แล้วก็จะเป็น 2 ต่อ 1, 3 ต่อ 1 จนอาจถึง 100 ต่อ 1 ) จากเล่นราคาเสมอ คือ เราเดิมพันฝ่ายแดง 1,000 บาท ฝ่ายแดงทำได้เปรียบ ทำให้ราคาการเล่นฝ่ายแดงสูงขึ้น ได้เปรียบมากก็สูงมาก สมมุติว่าราคาฝ่ายแดงสูงขึ้นหลายขั้นไปถึงขั้น 2 ต่อ 1 เราต้องการลด หรือจำกัดความเสี่ยง ไม่ต้องการเล่นเสียเลย รับได้แค่เสมอตัว เราก็จะออกตัวไปเล่นฝ่ายน้ำเงิน เดิมเราเล่นเสมอแดง 1,000 บาท พอแดงเป็นต่อ 21 เราหันมาเล่นฝ่ายน้ำเงินด้วยการรองฝ่ายน้ำเงินไป 500 บาท ลองคำนวณดูซิครับ คำนวณง่าย ๆ คือ เมื่อมวยต่อสู้ครบ 5 ยก หรือเป็นไก่ก็ครบ 12 อัน หรือเมื่อเกิดการแพ้ชนะขึ้น (ถ้าการต่อสู้เกิดการเสมอ การเล่นจะไม่ได้เสียกัน แต่นักเล่นที่ชำนาญ แล้วก็มีเฉพาะในการชนไก่ มวยจะไม่เล่นกัน เห็นท่าไม่ดีว่า ไก่ทั้ง 2 ตัวสู้กันมาจะหมด 12 อันอยู่แล้ว ยังไม่มีแววชนะแพ้กันเลย การเล่นต่อรองในเกมส์ที่มีการแต่งตัวดีแล้ว ไม่ว่าผลออกมาจะเป็นฝ่ายไหนชนะก็ได้ตังค์ทั้งนั้น แต่อย่าลืมว่า มันยังมีอีกประตูหนึ่งที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เสียกัน นั่นคือประตูเสมอกันนั่นเอง นักเล่นกลัวเสียโอกาส อุตส่าห์เหนื่อยเล่นไปแต่งตัวไปตั้งนาน จะมาเสมอง่าย ๆ อดตังค์ซะดื้อ ๆ ยังงั้นเอง ยอมไม่ได้ เป็นธรรมดาอยู่เองที่ไก่เมื่อตีมาถึงอันท้าย ๆ น้อยนักที่ยังสามารถตอบโต้กันได้อย่างสูสี ส่วนใหญ่จะมีฝ่ายหนึ่งได้เปรียบมาก เป็นฝ่ายทำแทบจะตัวเดียวเลย แต่ที่ยังไม่เกิดผลแพ้ชนะก็ด้วยตัวที่ทำอยู่ตัวเดียวก็ไม่ใช่ว่าอยู่ในสภาพดีซักเท่าไหร่ ต่างคนต่างสวนอาวุธแลกกันไปมา แม้เป็นตัวได้เปรียบก็ต้องถูกอาวุธฝ่ายตรงข้ามหวดเอาไม่มากก็น้อย ลำหักลำโค่นในการตี จึงไม่หนักหน่วงเหมือนแรกเริ่มตีกัน ความถี่ในการตีทำร้ายย้ำแผลคู่ต่อสู้ก็ไม่มาก ไม่อาจทำให้ฝ่ายถูกตีถอดใจยอมแพ้ หรือนอนแอ้งแม้งไม่ลุกขึ้นมาสู้ได้ แล้วเรื่องตลกอีกอย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังว่า ไก่น้อยตัวจะตีคู่ต่อสู้เวลาก้มหัวต่ำ ๆ ได้ ที่ผมเคยเห็นมาก็เพิ่งจะตัวเดียวเอง ถ้าไก่ตีคู่ต่อสู้เวลาก้มหัวต่ำได้ จะอันตรายกับคู่ต่อสู้ที่ถูกตีหัวเป็นแม็คโครมาก เพราะไก่หัวเป็นแม็คโครควบคุมลำคอไม่ได้ หน้าตาก็มักจะโดนตีจนบวมมองคู่ต่อสู้ไม่เห็น การจะตีตอบโต้ทำได้เพียงโดดตีส่งเดชไป ไม่ค่อยถูกฝ่ายตรงข้าม เพราะฝ่ายตรงข้ามยังมองเห็นดี หลบหลีกได้ง่าย เมื่อไก่ตีคู่ต่อสู้ก้มหัวต่ำได้ ไม่ต้องสงสัยเลยมันจะตีหัวไก่ที่เป็นแม็คโครได้ตามใจชอบ โดยไก่ที่เป็นแม็คโครไม่ตอบโต้กลับเลย หากเจ้าของใจดำ ยอมให้ไก่ของตนที่เป็นแม็คโครถูกตีย้ำแผลอย่างนี้ ไม่แคล้วไก่จะม่องเท่ง ไก่คู่ที่ผมบอกว่ามีไก่ตีคู่ต่อสู้ก้มหัวต่ำได้ผลก็เป็นอย่างนั้น ไก่ที่ถูกตีเป็นแม็คโคร ถูกตีม่องเท่งคาสังเวียนก็ด้วยเจ้าของมันหวังฟลุ๊ กว่าไก่ของตัวจะยืนอยู่ได้จนครบอัน จะได้เสมอไม่ต้องจ่ายกะตังค์ เค้ายืนดูไก่ตัวที่ตีหัวต่ำได้ดีตีหัวไก่ตัวเองจนตายคาที่กับตา ช่างเป็นมนุษย์ใจดำที่หาได้ค่อนข้างยากจริง ๆ จากประสบการณ์ผม ไก่ส่วนใหญ่ เวลาคู่ต่อสู้ตีจนเป็นแม็คโคร คุณจะได้ดูการตีไก่ที่น่ารำคาญที่สุดคือ ไก่ตัวที่เป็นฝ่ายทำ เห็นไก่ที่เป็นแม็คโครหัวส่ายต่ำ ๆ กะง็อกกะแง็กห่างตีนไม่เท่าไหร่ ตอบโต้อะไรก็ไม่ตอบโต้ แต่ด้วยตีหัวต่ำไม่เป็น บางทียืนดูกันเฉย ๆ เป็นเวลานานเลย กรรมการต้องมากระตุ้นให้ตีกันโดยจับมาประจันหน้ากันแล้วดันเข้าหากันจึงอาจจะตีได้ทีสองที แล้วก็มาจดจ้องกันอีกแล้ว ดังนั้นกว่ามันจะเกิดแพ้ชนะจริง ๆ ก็ต้องใช้เวลานานมาก เวลาส่วนใหญ่เอามาจ้องกันอยู่นั่น ถ้าสภาพของไก่ 2 ตัวยังแข็งแรงอยู่ โดยที่เวลาเหลือน้อย การตีของไก่ที่เข้าด้ายเข้าเข็มกำลังจะแพ้แหล่ไม่แพ้แหล่นี่แหละ เค้าจะเอามาพิจารณากับเวลาที่เหลือว่า ตีกันไปจนครบอันน่าจะเกิดผลแพ้ชนะหรือไม่ ถ้าดูว่า ลำหักลำโค่นไก่ตัวได้เปรียบแผ่วไป ไม่น่าทำคู่ต่อสู้จนแพ้ได้ ก็จะเล่นเสมอยกอีกประตูหนึ่ง (เล่นว่า ไก่คู่นี้ตีหมดเวลาแล้วจะเสมอกัน โดยเดิมพันกันด้วยราคาเสมอ 1,000 บาท ได้เสียกันก็ 1,000 บาท) กันเอาไว้ เพราะประตูที่มีการได้เสียไก่แพ้ชนะ เซียนคนนี้ออกตัวกันไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ไม่ว่าเขียว หรือแดงชนะ เค้าก็จะได้ตังค์ทุกกรณี เมื่อเค้ามาเล่นประตูเสมอกันไว้อีกประตูหนึ่ง เซียนคนนี้จะได้ตังค์ทุกกรณี ไม่มีทางเสียเลย ไม่ว่าไก่ตีแพ้ ชนะ หรือเสมอ
      ข้อเสียของบรรดามือใหม่หัดขับทั้งหลาย (พวกเพิ่งหัดเล่น ช่วงนั้นมีผมอยู่ด้วยคนนึง) คิดอะไรไม่ค่อยมีเหตุผล เล่นเดิมพันฝ่ายหนึ่งสมมุติว่าเป็นแดงไว้ โดยเล่นราคาเสมอไว้ 4,000 บาท บังเอิญเล่นแม่น ฝ่ายแดงทำเอาทำเอา ฝ่ายน้ำเงินแย่ตกเป็นรอง ราคาขึ้นไปเป็นแดงต่อ 54, 32 (อ่าน ห้าสี่สามสอง คือราคาเดิมพัน 5 ต่อ 4 กับ 3 ต่อ 2 นั่นเอง) ขึ้นไปจนถึง 21 (2 ต่อ 1 ) คนหัดใหม่คิดยังไงรู้มั้ยครับ คิดว่า ราคาขึ้นไปเถอะ ไม่สน ไม่ออกตัว ได้เงินเต็ม ๆ 4,000 บาทเหนาะ ๆ กรณีที่แดงชนะดีกว่า จะออกตัวให้เสียตังค์ไปทำไม แต่อย่าลืมนะครับ การต่อสู้ยังไม่จบ ฝ่ายแดงยังไม่ชนะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ความเสี่ยงสูงมาก โอกาสที่ฝ่ายเขียวจะโต้กลับมาจนเป็นต่อ หรือชนะไปเลยยังมีอยู่ การไม่ออกตัวด้วยเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้ความเสี่ยงหมดไป เป็นความไม่ฉลาดอย่างมาก ถือว่าเราอุ้มความเสี่ยงไว้เต็มประตู ถ้าบังเอิญไก่ฝ่ายเขียวพลิกล็อกกลับมาชนะ เราต้องเสียตังค์ 4,000 บาทเต็ม ๆ ต่างกันฟ้ากับเหวเลย ถ้าสถานการณ์ได้เปรียบแบบเรา ตกอยู่ในมือเซียนแล้ว เซียนเค้าจะออกตัวให้รูปการณ์มันออกมาเป็น ไม่ว่าแดงชนะหรือแพ้เค้าก็ได้ตังค์ทั้งนั้น เค้าทำได้ยังไง เค้าก็ออกตัวอย่างที่เคยบอกไงครับ เค้าเล่นเสมอแดงไว้ 4,000 บาท แดงชนะได้ 4,000 แดง แพ้เสีย 4,000 บาท พอราคาแดงเป็นต่อขึ้นหลายขั้นถึง 21 เซียนออกตัวเปลี่ยนมาเล่นเขียว ด้วยการรองราคา 21 ไป 2,000 บาท สมมุติว่าเราจบการต่อรองการต่อสู้ของไก่รอบนี้ไปเลย ไม่มีการต่อรองเพิ่ม เล่นแค่จับเสมอ 4,000 กับรอง 21 ไว้ 2,000 ผลออกมาถ้าแดงชนะเซียนจะได้ตังค์ 2,000 บาท แต่ถ้าแดงแพ้ เซียนคนนี้ก็จะไม่ได้ไม่เสีย (ไก่ตีจนครบอันเป็นการเสมอ จะไม่มีการได้เสีย) ลองมาคิดกันดูซิครับ สมมุติว่าผลออกมาแดงชนะ เซียนเล่นเสมอแดงไว้ 4,000 บาท เซียนก็จะได้ตังค์ก่อน 4,000 บาท แต่เซียนยอมลงทุนตัดความเสี่ยงออกหมด ไม่ยอมให้มีความเสี่ยงเหลืออยู่ ใช้วิธีออกตัวรองฝ่ายเขียวไป 21 ด้วยเงิน 2,000 บาท เมื่อแดงเป็นฝ่ายชนะ เราก็ต้องจ่ายตังค์ที่เราเล่นฝ่ายเขียวให้เค้าไป 2,000 บาท เมื่อนำมาหักกับตังค์ที่ได้จากการที่ไก่ฝ่ายแดงชนะ 4,000 บาท ก็จะเหลือกำไรรอบนี้ 2,000 บาท แล้วถ้าเกิดฝ่ายเขียวเป็นฝ่ายชนะล่ะ ผลจะเป็นยังไง เรารอง 21 ฝ่ายเขียวไป 2,000 บาท เมื่อฝ่ายเขียวชนะ เราจะได้ตังค์มา 4,000 บาท ป็นอันดับแรก แต่เริ่มแรกเราเล่นเสมอแดงเอาไว้ 4,000 บาท เมื่อแดงแพ้เราก็ต้องจ่าย 4,000 บาท พอเราเอาตังค์ที่ต้องจ่าย 4,000 บาท ไปคิดหักกับที่เรารองฝ่ายเขียวได้ตังคมา 4,000 บาท ก็หมดกันไป ถือว่าไม่ได้ไม่เสีย เห็นหรือยังครับ บรรดาเซียน ๆ เค้าจะเล่นเอาแน่นอนไว้ก่อน เอาความเสี่ยงยกให้คนอื่น ของตัวเองเอาตังค์ 2,000 บาท หรือไม่ก็เท่าทุนไม่ได้ไม่เสีย จะมีอะไรมีความสุขเท่านี้ ไม่ได้ 2,000 ก็ไม่เสียอะไร (อย่างนี้เค้าเรียก มีแต่ได้กับเจ๊า ต่างกับพวกมือใหม่ มีแต่เจ๊งกับเจ๊า น่าสงสาร) การเล่นออกตัวแบบนี้ บางครั้งสามารถเล่นจนได้ผลออกมาเป็นได้ตลอด ไม่ว่าไก่เขียว หรือไก่แดงชนะ ก็ได้ตังค์ แล้วยังไปเล่นประตูเสมอกันเอาไว้อีกทาง ไม่ว่าผลการต่อสูจะ ชนะ เสมอ แพ้ เซียนจะได้ตังค์ทั้งขึ้นทั้งล่อง เรื่องเหล่านี้เวลาเอามาพูดกัน คล้ายอย่างกับทำง่าย ๆ อยากเป็นเซียนก็ทำตามสิ มันไม่ง่ายเลย ความโลภอย่างหนึ่งหล่ะ ที่รั้งเราไม่ให้เล่นออกตัว ไก่จะชนะอยู่แล้ว จะออกตัวให้เปลืองตังค์ทำไม การที่เราเล่นไก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไว้ แล้วสถานการณ์การต่อสู้ของไก่นั้นเป็นไปด้วยดี ราคาอยู่ฝั่งที่เราเล่น เห็นอยู่ใส ๆ ว่า สักพักไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไก่ฝ่ายเราต้องชนะได้ตังค์กลับบ้านแน่นอนนั้น จะมีสิ่งที่ต้องคิดตัดสินใจอย่างเร็วคือ เราจะออกตัวเพื่อเป็นการตัดความเสี่ยงให้หมดไปหรือไม่  หรือจะยังคงรับความเสี่ยงเอาไว้เอง อะไรคุ้มค่า และน่าจะดีกว่ากัน
          เรามาดูกันครับ ถ้าเราออกตัวผลจะเป็นอย่างไร การเล่นพนัน จะมีทั้งการที่เราเล่นอยู่ฝั่งถูกต้องตั้งแต่แรก ราคาสูงขึ้นไปไม่หยุด แบบนี้จริง ๆ แล้วเล่นง่าย ยอมแบ่งตังค์ซักส่วนหนึ่ง ออกตัวเล่นไปตามราคาที่บอกมา โดยต้องคำนวณการลงจำนวนเงินให้ครอบคลุมจำนวนเงินที่เราเล่นมาทั้งหมด แล้วพยายามให้มันได้ผลเป็นได้ตังค์ไม่ว่าใครจะชนะก็ตาม หรือ หากฝ่ายหนึ่งชนะเราได้ตังค์ อีกฝ่ายชนะเราเสมอตัวก็ได้ กรณีนี้ก็เช่น เล่นมาแล้วทั้งหมด เสมอแดงไว้ 8,000 บาท การคำนวณตังค์ลงเล่นเวลาออกตัว ต้องให้ครอบคลุมเงินจำนวนทั้งหมด 8,000 บาท สมมุติไก่ที่เราเล่นราคาต่อสูงขึ้นไปถึง 74 แล้วเราอยากจะออกตัวให้พ้น ถ้าเรารองเพียง 4,000 บาท เกิดไก่ตัวรองชนะเราจะได้ตังค์เพียง 7,000 บาท ยังไม่ครอบคลุมเงินที่เราลงไว้ เราอาจต้องเสีย 1,000 บาทก็ได้ (จริง ๆ เราอาจพอใจเล่นแค่นี้ก็ได้ เพราะผลสรุปจะกลายเป็นถ้าฝ่ายหนึ่งชนะเราจะได้เงิน 4,000 บาท หรือ หากอีกฝ่ายชนะ เราจะเสียเงินเพียง 1,000 บาทเอง ผลลัพธ์แบบนี้คนส่วนใหญ่พอรับได้) จริง ๆ แล้วถ้าเราจะออกตัวควรออกให้พ้นไป ไม่ต้องมีกรณีที่จะต้องเสียเลยจะดีกว่า กรณีดังกล่าว หากเราออกตัวเล่นไป 6,000 บาท ก็จะครอบคลุมเงินที่เล่นไว้ทั้งหมดคือ 8,000 บาทแล้ว เมื่อปรากฏผลแพ้ชนะ เราก็จะมีแต่ได้เงินมากหรือน้อยเท่านั้น ไม่ได้ 2,000 บาท ก็จะได้ 2,500 บาท ที่อยากให้ออกตัวให้ครอบคลุมนี้ ด้วยคิดว่า การเล่นนั้นความเสี่ยงสูง โอกาสเสียตังค์มีมากพอดู เราต้องเล่นเสียให้น้อยครั้งที่สุด เพื่อยืนหยัดอยู่นาน ๆ พวกเซียนพนันเมื่อเค้าแต่งตัวได้เรียบร้อยแบบนี้แล้ว เค้าอาจเริ่มเล่นชุดใหม่ต่อไปอีก แล้วก็พยายามออกตัวให้ได้ผลลัพธ์เป็นได้ทั้งสองทางแบบนี้อีก เล่นไปเรื่อย ๆ ผมเคยเห็นสมุดจดของบรรดาเซียนพนัน ที่เค้าเอาไว้บันทึกรายการเล่น เค้าจดรายการยาวเป็นหน้า มีรายการเล่นถึง 10 กว่ารายการ เล่นเสมอไว้ แล้วไปออกตัวรองอีกฝ่าย ต่อราคาไว้ราคาต่ำ ก็ไปรองไว้ในราคาที่สูงกว่า เมื่อจบรายการไก่คู่นั้น เซียนพวกนี้จะเดินเก็บตังค์เจ้าโน้นนิด เจ้านี้หน่อย สรุปว่า พวกเค้าเข้ามาเอาตังค์พวกมือใหม่นี่แหละไปใช้สบาย ๆ การเล่นออกตัวหวังได้เพียงตังค์น้อย ดีกว่าการเล่นแบบฝัง ไม่ยอมออกตัว เห็นว่าไก่ฝ่ายที่ตนเล่นน่าจะชนะในไม่ช้านี้ ความไม่แน่นอนเกิดได้ทุกเมื่อ ตีกันอยู่ดี ๆ ถูกหวดตาบอด ปากหัก เดือย หรือตอโค่น อาการเหล่านี้ทำให้ไก่เจ็บปวดมาก อาจเป็นสาเหตุทำให้แพ้ได้ทุกอย่าง กรณีไก่เราราคาเป็นต่อมาเรื่อย ๆ พอถูกฝ่ายตรงข้ามทำเกิดอาการเหล่านี้ ราคาจะพลิกกลับไปเป็นของอีกฝ่ายทันที แล้วมีโอกาสแพ้สูงด้วย เมื่อเราเล่นแบบฝังไม่ยอมออกตัว เราก็จะเสียค่อนข้างแน่แล้ว ถ้าไก่เราเกิดอาการบาดเจ็บรุนแรงอย่างนี้ แต่หากเราเล่นแบบออกตัว เมื่อราคาเป็นต่ออยู่ ออกตัวให้พ้นไปเลย นั่นคือการตัดความเสี่ยง เหมือนกับการรับเงินมาใส่ไว้ในกระเป๋าแล้ว เพียงรอเวลาไก่ได้ผลแพ้ชนะ เราก็ค่อยเดินไปรับตังค์แค่นั้นเอง ถ้าเล่นแบบออกตัวอย่างนี้ จะยืนหยัดอยู่ได้นาน ผมเป็นมือใหม่เข้าไปเล่น ชอบที่จะเล่นฝังอยู่ข้างใดข้างหนึ่งเช่นกัน เวลาไก่เป็นต่อมาก ๆ ก็ยังไม่อยากจะออกตัว ไม่รู้หรอกว่า การออกตัว คือการตัดความเสี่ยง รับเงินเข้ากระเป๋าแน่นอนแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอลุ้นว่าใครจะชนะ เพราะใครชนะเราก็ได้ตังค์ทั้งนั้น คนเล่นฝังข้างหนึ่งโดยฝันหวานว่าจะชนะแน่ เพราะตีเก่งน่าจะตีจนชนะไม่ยาก ปรากฏว่า เล่นไปนานเข้า ไอ้ไก่ที่เราดูว่ามันน่าจะชนะแน่ มันไม่ชนะเสมอไป แรก ๆ มาดี ๆ ตีไปนานอันเข้าทั้ง ๆ ที่ตัวเองกำลังตีเค้าอย่างสนุก แต่พอเห็นตีเค้าแล้ว เค้าตอบโต้กลับทุกที ไม่มีอาการจะแพ้ เกิดถอดใจ วิ่งหนีเอาดื้อ ๆ พอเอามาประจันหน้า 3 ครั้งไม่สู้แล้ว เราที่เล่นฝั่งนี้ไว้ ก็ควักกระเป๋าตามระเบียบ พอเราโดนบ่อย ๆ เข้า ตังค์เราไม่ได้ผลิตเอง รายจ่ายอื่น ๆ ก็มี บ้านต้องเช่า ข้าวต้องซื้อ เราจะทนไปได้ซักกี่น้ำ แล้วผมนี่จอมซ่าส์ด้วย ใครชวนเล่นอะไรไม่ค่อยขัด ไปด้วยหมด หมดมากเข้าก็ต้องเลิกไปเอง ปัจจุบัน ผมไม่เล่นอะไรที่เคยเล่นซักอย่าง ไพ่ ไฮโลว์ การชนไก่ กอล์ฟ สนุ๊กเกอร์ พอกันทีเบื่อแล้ว เล่นมาไม่รู้กี่อย่าง ไมีมีรุ่งซักอย่าง
          จบตอน ปรัชญาชีวิตจริงจากความผิดพลาดของประสบการณ์ชีวิตในอดีต ตอนที่ 5 ตอนสุดท้ายแต่เพียงแค่นี้ ตอนต่อไปจะเป็นบทวิเคราะห์อีก 3 บท ซึ่งจะวิเคราะห์ถึงเรื่องราวความผิดพลาดของผม ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร มีแนวทางในการป้องกัน หรือแก้ไขยังไง เพื่อนำไปเป็นกรณีศึกษาไว้ปรับใช้กับชีวิตของคุณ และคนใกล้ชิดในภายหน้าต่อไป โปรดติดตามบทวิเคราะห์อีก 3 บท ได้เร็ว ๆ นี้


          หน้าแรก          เกี่ยวกับฉัน          กลับสู่ด้านบน
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวัสดีครับทุกท่าน กรณีที่ท่านติดตามชมบล็อกของผมแล้วต้องการแสดงความคิดเห็น ผมเปิดกว้างสำหรับทุกท่าน ขอความกรุณาแค่แสดงความคิดเห็นให้ตรงกับเนื้อหาของผม กรณีจะแสดงความคิดเห็นที่ไร้สาระ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเลย ได้โปรดอย่าทำเลยครับ ผมขี้เกียจลบ ขอบคุณมากครับ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น