วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คำคม ข้อคิด ดีๆ เรื่อง อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า ชีวิตมันแย่

คำคม ข้อคิด ดีๆ คอยเตือนใจเรื่อง อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่า ชีวิตมันแย่ มันอาจจะเป็นแค่ จุดเปลี่ยนของชีวิต ที่จะทำให้เรา ไปเจอชีวิตใหม่ที่ดีกว่า คำเตือนอย่างนี้ ช่างเหมาะสำหรับทุกท่านจริง ๆ



เชิญชม วิดีโอ คำคม ข้อคิด ดีๆ แม้เรื่องกระทบแรง แต่ อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าชีวิตมันแย่ ที่นำเสนอข้อคิดเตือนใจดี ๆ ไว้สำหรับทุกท่าน เผื่อจะได้เกิดภูมิต้านทานสำหรับการต่อสู้ชีวิต



เกริ่นนำ
สวัสดีครับ ผม สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวดี ๆ อีกแล้วครับ วันนี้ มานำเสนอเรื่อง “อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าชีวิตมันแย่” (ขอขอบคุณท่านผู้ประพันธ์ บทความ หรือวลีเด็ด คำคม ข้อคิดดี ๆ นี้ ยอมรับว่า คำประพันธ์ของท่าน เป็นข้อคิดเตือนใจ ให้กำลังใจคนได้มากมายทีเดียว) โดย จุดเริ่มเรื่อง คือ ขณะที่ผมซึ่งไม่เคยมีความรู้เรื่องเกี่ยวกับ งานสอบสวน (งานที่ต้องมีความรู้และทักษะทางกฎหมายอย่างมาก) ไม่เคยได้รับการอบรมใด อยู่ ๆ ก็ได้รับเกียรติแต่งตั้งให้เป็น พนักงานสอบสวน ซะหยั่งงั้น คุณคิดว่า ขณะที่คนซึ่งพูดง่าย ๆ เลยว่า ทำงานสอบสวน ไม่เป็นเลย แล้วต้องลงไปทำมันเต็มตัวแบบปัจจุบันทันด่วนเนี่ย คน ๆ นั้น ควรจะรู้สึกยังไง ?
ผมเริ่มสตาร์ทด้วยการเป็นตำรวจชั้นประทวน เรียนจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สอบเป็นนายร้อย หรือ ชั้นสัญญาบัตรสายป้องกันปราบปรามได้ เมื่อปี 2536

เข้าทำงานที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็ก และเยาวชน ตรงนางเลิ้ง ได้ 2 ปี ก็ขอย้ายออกมา โดยต้องการอยู่ในเขตกรุงเทพฯ เหมือนเดิม แต่กระเถิบใกล้บ้านที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เข้าไปหน่อย การย้ายของผมในครั้งนั้น เกิดเรื่องตลกขึ้น เป็นเรื่องตลกที่หัวเราะไม่ออก ถ้าออกมันก็น่าจะ “เจื่อน” เต็มทน ส่งผลกระทบให้มีเรื่องคิดวุ่นวายในสมองเต็มไปหมด คิดว่า “แล้วนี่ตูจะทำยังไงต่อไปเนี่ย” เหตุการณ์ผกผันที่คาดคิดไม่ถึง เปลี่ยนชีวิตแรง ๆ จนไม่รู้ว่า จะทำยังไงกับมันดี นั่นแหละ คือความรู้สึกของผมในขณะนั้นเลย ทีนี้ ผมจะเฉลยเรื่องตลกให้ฟัง ที่ผมบอกว่า ผมขอย้ายไปใกล้บ้าน สถานที่ก็ต้องเป็นฝั่งธนบุรี บริเวณริม ถ.เพชรเกษม ก็จะเดินทางได้สะดวกที่สุด ผมก็ขอย้ายไปอยู่ที่ สน.หนองแขม หนองค้างพลู และเพชรเกษม ขอไปอยู่ตำแหน่ง ป้องกันปราบปราม กับ สืบสวน เพราะเคยทำมาก่อนตั้งแต่ต้น มีความถนัด ชอบ และ มีใจรัก ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2538 (เป็นวันแม่ เลยจำได้แม่น) ผมก็ได้ย้ายไปทำงานในตำแหน่ง รองสารวัตรสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลบางบอน

พนักงานสอบสวนคืออะไร 
อธิบายอย่างง่าย ๆ คือ ตำรวจกลุ่มที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย และถูกแต่งตั้งให้ มีอำนาจในการ สอบสวน ดำเนินคดีอาญาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเขตรับผิดชอบได้ รับผิดชอบหน้าที่ไปตั้งแต่ รับแจ้งความ สอบปากคำ เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน สรุปสำนวน แล้วอาจมีงานเสริมต่อไปจนถึง ไปเป็นพยานศาล ไปติดตามพยานให้มาให้การในศาล ขั้นตอนต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของ พนักงานสอบสวน ทั้งสิ้น

คนซึ่งไม่เคยรู้เห็น หรือสัมผัสกับคนเป็น พนักงานสอบสวนมาก่อน อาจจินตนาการกันไม่ออกว่า พนักงานสอบสวน ต้องทำงานมากน้อยอย่างไร มาเริ่มกันเลยครับ

ใน 1 วัน พนักงานสอบสวน ต้องเข้าเวร บางโรงพักเข้า 6 ชั่วโมง บางโรงพักเข้า 8 ชั่วโมง ก็แล้วแต่ความเจริญ และการบริหาร ระหว่างเข้าเวร มีเรื่องรถชน ทะเลาะทำร้ายร่างกายกัน จับคนเสพยาเสพติด ฯลฯ ก็ต้องดำเนินการแทบทุกเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีอาญาแล้ว ไม่แคล้วมักตกเป็นภาระหน้าที่ของ พนักงานสอบสวนด้วยกันทั้งสิ้น

เรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จะมากน้อยก็แล้วแต่กำลังวัน กับฮวงจุ้ย โชคดีก็น้อยราย โชคร้ายก็มากหน่อย ก็บริหารงานกันไป หมดเวลาเวร ได้พัก 18 ชั่วโมงมั่ง 12 ชั่วโมงมั่ง อย่างที่บอกต้องแล้วแต่ความเจริญ และการบริหาร งานที่รับเอาไว้ในผลัดที่เพิ่งออกมา ยังไม่ทันได้สะสาง วันรุ่งขึ้น ถึงเวลา ต้องมาเข้าเวรอีกแล้ว เรื่องใหม่ก็เติมเข้ามา พนักงานสอบสวนคนไหน ไม่สะสางงาน งานมันก็จะสะสม พอสะสมมากเข้า ไม่นานมันก็ต้องหล่นทับใส่หัวตัวเอง ได้รับความเดือดร้อนอย่างไม่ต้องสงสัย นี่คือเรื่องของปริมาณงาน อีกเรื่องคือความยากของงาน โรงพักไหนจับเด็กหรือเยาวชนมา ก็ต้องนำมาเข้ากระบวนการถ่ายทำวิดีโอ โดยจะมีผู้ร่วมการถ่ายทำด้วยมากมายหลายอาชีพ ยังไม่ต้องพูดเรื่องอะไร เอาแค่เรื่องที่ผมจะนัดวันถ่ายทำ ให้มีความสะดวกตรงกันทุกคนก็ยากเย็นเลือดตากระเด็นแล้ว อีกเรื่องนึงเรื่องตามพยาน พนักงานสอบสวนสอบปากคำพยานผ่านมาหลายปีแล้ว พยานเพิ่งได้จังหวะต้องไปให้การในศาล พอพยานคนนั้นไม่มา ก็ต้องเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอีกแล้ว ที่ต้องไปติดตามพยานมาให้การ

พูดมาซะเกือบเยอะ ใครฟังจะหาว่า อคติมั้ย เป็นที่ผมคนเดียวมั้ย มโนไปเปล่า ทำไมงานมันเยอะมันยาก ถึงขนาดส่งผลให้ไม่มีคนอยากมาทำกันเลยเชียวเหรอ จริงรึเปล่าเนี่ย เอาที่ไหนมาพูด

ในฐานะที่ผมเคยทำงานสอบสวนมาระยะหนึ่ง ผมขอบอกเลยว่า งานสอบสวนมีปริมาณงานที่เยอะ แล้วก็มีความยากจริง ๆ สิ่งเหล่านี้นี่แหละ น่าจะส่งผลโดยตรง ทำให้คนไม่อยากก้าวเข้ามาสู่สายงาน มันก็เป็นเหตุผลง่าย ๆ อย่างนี้แหละ คือ เมื่อเปรียบเทียบการทำงานสายงานอื่น กับ สายงานสอบสวน ปริมาณงาน ความยุ่งยากของงานที่น้อยกว่ากัน มันเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีผลกับการตัดสินใจอย่างมาก จะเห็นได้ชัดเจนว่า แม้มีความพยายามชักจูงใจโดยให้ พนักงานสอบสวน มีเงินประจำตำแหน่งสูงกว่าสายงานอื่น ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชักจูงใครให้ก้าวเข้ามา

วันได้รับการแต่งตั้งเป็น พนักงานสอบสวน
ถอยหลังไป 25 ปี ในวันที่ สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น ได้รับการแต่งตั้งไปเป็นพนักงานสอบสวน สน.บางบอน โดยไม่เคยทำ หรือ สัมผัสกับงานสอบสวนมาก่อน ไม่เคยได้รับการอบรมหลักสูตรใด ๆ ที่เกี่ยวกับการสอบสวน อาวุธติดตัวมีเพียงปริญญาตรีนิติศาสตร์ใบเดียว คุณคิดว่า ในวันที่เราต้องทำงานเกี่ยวกับกฎหมายตรง ๆ งานที่ต้องการทักษะความรู้ทางกฎหมายอย่างมาก ในขณะที่ในกระเป๋าเราไม่มีอาวุธอะไรไว้ต่อสู้เลย ผมควรจะมีความรู้สึกยังไง ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่า ตอนแรก ผมเคว้งคว้าง งง ทำตัวไม่ถูก แต่แล้ว สัญชาติคนใฝ่รู้ มองเห็นเป็นความท้าทายอยู่ตรงหน้า งานที่ไม่เคยเจอไม่เคยทำ ใครต่อใครบอกกันว่ายาก อย่างนี้ มันต้องลองกันซักตั้ง ฉะนั้น ตอนเจอเรื่องเปลี่ยนชีวิตแรง ๆ อย่างนี้ “อย่าเพิ่งด่วนสรุป ว่าชีวิตมันแย่” มันอาจมีอะไรดี ๆ รอเราอยู่ข้างหน้าก็ได้

ช่วงชีวิตต่อจากการเป็นพนักงานสอบสวน
มันก็เหมือนกับงานทั่ว ๆ ไป ตอนเริ่มทำแรก ๆ มันก็ต้องทำไม่เป็นเป็นธรรมดา พอทำนานวันเข้า มันก็มีความชำนาญก็ทำได้เอง ประกอบกับผมเป็นคนชอบเรียนรู้ แม้ในเรื่องที่ไม่ชื่นชอบ ไม่ได้สมัครใจเข้ามาทำ แต่เมื่อบทมันส่งให้เล่น มันก็ต้องเล่นไปตามครรลองที่มันส่งให้เล่น ใช้กำลังใจของนักสู้เผชิญกับมัน ในที่สุดก็ผ่านมันไปได้ หลังจากนั้น 2 ปี ผมก็มีโอกาสได้เปลี่ยนไปทำหน้าที่อื่น แต่รู้สึกว่า ผมถูกเล่นตลกซ้ำซะแล้ว ผมเคยบอกตอนแรกว่า ผมไม่ถนัดไม่เคยชอบงานสอบสวนเลย แต่กลับกลายเป็นว่า งานสอบสวนกับสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ ความรู้ทางกฎหมาย กลับติดสนิทอยู่กับผมอย่างแนบแน่นแบบแกะกันไม่ออก แล้วมันยังเป็นสิ่งที่ทำให้ใคร ๆ มองเห็นและให้การยอมรับ ในความมีตัวตนของผมซะอีก ผมมีประสบการณ์ในการตรวจสำนวนวินัย สำนวนคดีอาญา ของ สน. ต่าง ๆ ใน บก.น.9 แล้วตำแหน่งปัจจุบันของผม คือ สารวัตรฝ่ายนิติการ กองบังคับการอำนวยการ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ


ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ชีวิตคน ไม่ราบรื่นเสมอไป เหตุการณ์ที่เข้ามากระทบมาเปลี่ยนชีวิตแรง ๆ มีโอกาสเสมอ เหตุ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของอยู่คู่กับมนุษย์ ไม่ตัวเราเอง ก็เป็นพี่น้อง ลูกเมีย สามีภรรยา ไม่ใครก็ใคร หลุดไม่พ้น 4 คำนี้ มันก็ขึ้นกับว่า สิ่งที่เกิดขึ้น มันเบาหนักก็ตามแต่เหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับมันไป ถึงแม้เราจะไม่ยอมรับมัน มันก็ต้องเกิดขึ้นกับเรากับญาติพี่น้องของเราอยู่ดี แล้วเราจะสู้กับเหตุการณ์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างมีกำลังใจหรือจะตีโพยตีพายโวยวายขายปลาช่อนว่า ทำไมชีวิตของเรามันถึงแย่อย่างนี้ คุณเชื่อผมเถอะ ชีวิตทุกชีวิตมันก็มีช่วงแย่ ๆด้วยกันทุกคนแหละ อย่างน้อย ๆ ตอนพ่อแม่ปูย่าตายายเสียชีวิต ถ้าเรารักผูกพันกับท่านมาก มันก็ต้องเป็นช่วงชีวิตที่เศร้า ที่ต้องสะดุด ดังนั้น การคิดอะไรอย่างถูกต้องเป็นเหตุเป็นผล ย่อมจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ เมื่อเกิดเหตุการณ์กระทบรุนแรง เราก็จะรู้ว่า แล้วในที่สุดมันก็จะผ่านไป และมีรางวัลให้กับผู้ที่ไม่ยอมแพ้เสมอ



แล้วค่อยติดตามเรื่องราวดี ๆ โอกาสหน้าต่อไปครับ




วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คำคม ข้อคิด ดีๆ เรื่อง ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน พร้อมแล้วสำหรับทุกท่าน

คำคม ข้อคิด ดีๆ ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน อย่าอาวรณ์ถึงพรุ่งนี้หรือวันไหน หากวันนี้ดีได้ดั่งตั้งใจ จงมั่นใจ วันต่อไปต้องได้ดี ถ้อยคำ วลีเด็ด ที่พร้อมแล้วสำหรับทุกท่าน



เชิญชม วิดีโอ คำคม ข้อคิด ดีๆ ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน ที่นำเสนอข้อคิดเตือนใจดี ๆ สำหรับทุกท่าน เผื่อจะได้เกิดแนวคิดริเริ่มดี ๆ เพื่อตัวเอง และคนรอบข้าง








เกริ่นนำ

สวัสดีครับ ผม สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวดี ๆ อีกแล้วครับ วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง “ตั้งใจทำ วันนี้ ให้ดีก่อน” (ขอขอบคุณท่านผู้ประพันธ์ บทความ หรือ วลีเด็ด คำคม ข้อคิดดี ๆ นี้ คำประพันธ์ของท่านเป็น ข้อคิดคำคมเตือนใจ ให้กับผู้คนอย่างมากมายทีเดียว) โดย ผมมีเรื่องที่เป็น ผลดี หรือผลสำเร็จ ซึ่งแม้มันจะเป็นผลสำเร็จที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ถ้า ผม ไม่ตัดสินใจ เริ่มทำ วันนี้ (วันที่เริ่มสตาร์ทในอดีต) ให้ดีก่อน ผมจะไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จใน 2 เรื่องนี้ได้เลย มาติดตามดูกันครับว่า 2 เรื่องที่ว่าคือเรื่องอะไร

1.เรื่อง สอบนายร้อย หรือ ชั้นสัญญาบัตรได้ เมื่อปี 2536
2.เรื่อง มีความรู้ภาษาอังกฤษ ในระดับที่ สามารถขายของกับคนอเมริกัน ในเว็บ อเมซอนดอทคอม ได้ และปัจจุบันกล้าเดินทางไปประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษแบบ ไม่กลัวอดตาย

      1. ผมสอบนายร้อย หรือชั้นสัญญาบัตร ได้ 

ผมเริ่มทำงานเป็น พลตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรอำเภอนครชัยศรี เมื่อปี 2531 ตอนนั้น สิ่งที่เริ่มทำก่อนเลย คือ ลงทะเบียนเรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ทันที โดยที่ไม่รู้ว่า เรียนมาแล้วจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง รู้แต่ว่า เอาวุฒิไปสอบนายร้อยได้ ในระหว่างที่ทำงานช่วง ปี 2531 – 2535 ติดตามดูรุ่นพี่ ๆ ที่เค้ามีสิทธิสอบกัน รุ่นพี่หลาย ๆ คน พอทำข้อสอบกลับมา จะคุยกันว่า ข้อสอบเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องตอบอย่างนั้นอย่างนี้ ผมได้ยินก็คิดว่า หลายคน น่าจะสอบได้ สรุป ผมทำงานอยู่ที่นครชัยศรี 4 ปี ไม่มีใครสอบ นายร้อย เป็นตัวอย่างให้ผมได้เห็นแม้แต่คนเดียว
ปี 2535 ผมย้ายไปอยู่ สถานีตำรวจภูธรตำบลโพรงมะเดื่อ ปีนั้น ได้ยินเรื่องแปลก ได้ยินว่า มีรุ่นพี่ ยศจ่าสิบตำรวจ ทำงานที่ตู้ยามสายตรวจใกล้ ๆ สอบนายร้อยได้ ผมได้ยินก็หูผึ่งเลย แล้วคิดว่า “เออแฮะ! มันก็มีคนสอบได้เหมือนกันนี่หว่า” ทำไมตอนที่อยู่ นครชัยศรี ไม่เห็นมีใครสอบได้ซักคน 

ปีเดียวกัน ดันมีรุ่นพี่อีกคนสอบได้อีก เอาหละหวะ ผมเริ่มคิด เอ๊ะ! สอบนายร้อยนี่มันก็ทำกันได้เหมือนกันนี่ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ซักหน่อย พอปี 2536 ผมเรียนจบปริญญาตรีนิติศาสตร์ มีสิทธิสอบปุ๊บ ผมขี่มอร์ไซต์ไปซื้อหนังสือจาก ร้านสูตรไพศาล ที่ซอยวัดม่วง กรุงเทพฯ มาตั้งนึง อ่านดะไปหมดเลย ไม่รู้แหละ ซื้อมาก็อ่านมันหมดแหละ คิดว่า ยิ่งอ่านมากย่อมต้องได้เปรียบมาก หน่วยงานก็ดันเปิดสอบนายร้อยปีนั้นพอดี โอ้โห! หยั่งกับเปิดต้อนรับผมเลย ตอนไปสมัครสอบ ดูหลักเกณฑ์การสอบ เห็นว่า ผมมีสิทธิสอบสายป้องกันปราบปรามได้ หนังสือที่ตอนแรกซื้อ กะจะเอาไว้สอบสายอำนวยการ พอเปลี่ยนสายได้ ก็ต้องซื้อหนังสือใหม่ ก็ไปซื้อมาอีกตั้งนึง ไม่รู้หละ ผมถือว่า การจ่ายเงินซื้อความรู้ เป็นสิ่งคุ้มค่ามาก แล้วเราก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อจะได้เข้าสอบได้อย่างมีความหวังสูงสุด

หลักการอ่านหนังสือของผม ไม่มีอะไรมาก ตอนนั้น ผมตั้งธงไว้ในใจก่อนเลยว่า “ผมต้องสอบให้ได้ในครั้งเดียว” จะหลับจะตื่นคอยท่องเอาไว้ มุ่งมั่นให้เต็มที่ ผมมองว่า คนเก่งแล้วก็ฉลาดอาจได้เปรียบจริง แต่มันก็วัดกันยาก ประเมินแล้ว จำนวนที่มีก็ไม่น่าจะเยอะ ผมเอาเรื่อง ความขยัน เป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินมากกว่า คือ ผมประเมินว่า โดยเฉลี่ยแล้ว คู่แข่ง อ่านหนังสือเต็มที่ก็ไม่น่าจะเกินวันละ 4 ชั่วโมง ผมจะต้องอ่านให้ได้มากกว่า หรืออย่างน้อยก็ต้องพอ ๆ กัน ถึงจะสู้กันได้ ผมต้องคอยกระตุ้นตัวเองตามธงที่ตั้งไว้ ประกอบกับ งานของโรงพักบ้านนอกไม่ค่อยยุ่ง เอื้อต่อการอ่านหนังสือ ผมบอกตามตรงเลยว่า ผมอ่านหนังสืออย่างเยอะเลย อ่านเยอะขนาดที่ 3 วันก่อนสอบ ผมคุยกับพี่สาวเรื่องธรรมดา ๆ นี่แหละ แล้วผมดันนึกคำพูดไม่ออก ผมคิดได้ทันทีว่า ผมคร่ำเคร่งอ่านหนังสือมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาต้องหยุดพักบ้างแล้วหละ ไม่งั้นเดี๋ยวติงต๊องไปซะก่อนจะยุ่งไปใหญ่ พอผลสอบประกาศออกมา ผมสอบได้ในครั้งเดียวจริงอย่างที่ตั้งใจ เห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า ถ้าผมไม่ ตั้งใจทำ วันนี้ (วันที่เริ่มเรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์) ให้ดีก่อน ผมจะไม่มีทางสอบนายร้อยได้เลย


       2. มีความรู้ภาษาอังกฤษ ระดับ ขายของได้ ไปต่างประเทศได้
      ผมเรียนจบโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม จัดเป็นโรงเรียนที่มาตรฐานดีทีเดียว แต่วัน ๆ ผมไม่สนเรื่องเรียน เอาแต่เล่นแต่กีฬา ภาษาอังกฤษก็ห่วยแตก ตอนสอบเอนทรานซ์ ทำข้อสอบ 100% คุณเชื่อมั้ย ผมไม่มั่นใจว่าทำถูกแม้แต่ข้อเดียว ผมงงตัวเองมาก ทำไมภาษาอังกฤษเราถึงห่วยได้ถึงขนาดนี้ เพื่อนฝูงเค้าก็เก่ง ๆ กันทั้งนั้น สรุปได้เลยว่า ที่ผมเรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ผมส่งคืนให้อาจารย์กลับไปเรียบร้อยหมดแล้ว

   ตอนทำงานที่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน ตรงนางเลิ้ง ผมขับรถยนต์ไปกลับบ้านที่นครชัยศรี วันนึง อยู่บนรถประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ได้จังหวะเหมาะเลย ถ้าเอาเวลามาฝึกภาษาอังกฤษ จะต้องเกิดประโยชน์มากเลย ผมเริ่มดำเนินการเลย ไปซื้อ English for you จากห้างศึกษาภัณฑ์ ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มาฝึก เค้ามีทั้งหมด 96 ชุด ซื้อมาครั้งละ 5 ชุด ค่อย ๆ เรียนไปเรื่อย ๆ จบ 5 ชุด ก็ซื้อต่อไปอีก 5 ชุด 


      แบบเรียนเค้าดี เป็นหนังสือบาง ๆ แต่ข้อมูลแน่น ให้ความรู้ต่าง ๆ ดีมาก มีม้วนเทปคาสเส็ทให้ 1 ตลับ เอาไว้เปิดกับวิทยุ ผมก็ใช้เปิดในรถขณะเดินทางนั่นแหละ มีจังหวะว่าง ยังเอามาเสียบกับ ซาวด์เบ้า ฟังไปดูแบบเรียนไปด้วย ผมทำอย่างเนี่ยแบบสม่ำเสมอแค่ปีสองปี ภาษาอังกฤษผมพัฒนาขึ้นมาก จากที่บอกว่า ไปทำข้อสอบเอนทรานซ์ไม่มั่นใจซักข้อ กลายเป็นเวลาไปสอบข้อเขียน ไม่ว่าจะเป็นที่ ตำรวจท่องเที่ยว สอบไปติมอร์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ก็สามารถสอบผ่านได้ เปรียบเทียบกับตอนที่สอบเอนทรานซ์อย่างที่เล่าให้ฟัง ผมว่า ภาษาอังกฤษผมพัฒนาขึ้นมากทีเดียว 
   ต่อมา เห็นโฆษณาคอร์สสอนขายของเว็บอเมซอนดอทคอม ก็อยากขายดูมั่ง เพราะภาษาอังกฤษชักเริ่มใช้ได้ เรื่องคอมก็พอจะเป็น ก็เลยไปลองเรียนดู เรียนจบคอร์ส ค้าขายกับคนอเมริกันได้จริง โดยเราก็ไปสมัครขายของกับทางเว็บอเมซอนดอทคอมเค้า จากนั้นก็เริ่มโพสท์สินค้าขึ้นไปขาย ตอนนั้น ผมไม่เคยขายของอะไรมาก่อน ก็ต้องเอารูปสินค้าของชาวบ้านเค้ามาโพสท์ขาย พอขายได้ ก็ค่อยสั่งของส่งให้ลูกค้า เราก็เก็บส่วนต่างเอา 

     ยอดขายก็นับว่าพอได้ ตอนนั้น ผมถือว่า ขายของเว็บอเมซอนดอทคอม รายได้ดีพอสมควร แต่กฎกติกามารยาทเค้าเข้มงวดมาก เค้าให้ความสำคัญกับผู้ซื้อ มากกว่าเราผู้เป็นคนขาย ถ้าคนซื้อให้คะแนนลบ คอมเม้นท์ไม่ดีให้เรา ถ้าเป็นเรื่องแรง ๆ ทางเว็บอาจห้ามไม่ให้เราขายไปเลย แล้วตอนนั้น ผมไม่มีสินค้าตัวเอง เอาสินค้าคนอื่นมาขาย คนอเมริกัน เค้าเห็นว่า เรื่องการเอาสินค้าของคนอื่นมาขาย โดยที่เจ้าของสินค้าไม่ยินยอม เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง พอผมเอาสินค้าของเค้ามาขาย เค้าฟ้องทางเว็บ ผมก็ถูกเค้าตัดสิทธิไม่ให้ขาย ประกอบกับตอนหลัง ๆ เวลาขายของได้ ลูกค้าชอบติ ของไม่ตรง สีไม่ได้ คอมเมนท์เยอะแยะ จุกจิกมาก ประกอบกับความไม่มีเวลา ก็เลยต้องหยุดไป แต่ถ้ามีจังหวะโอกาสดี ๆ ก็อาจสมัครขายอีกก็ได้ ใครจะไปรู้

     เห็นยังครับ ถ้าผมไม่ ตั้งใจทำ วันนี้ (วันที่เริ่มเรียน English for you) ให้ดีก่อน ผมจะพัฒนาภาษาอังกฤษ จนถึงขนาดขายของกับคนอเมริกันได้มั้ย แล้วนี่ผมยังฝึกฝนต่อเนื่องเรื่อยมานะ หากจะต้องเดินทางไปต่างประเทศขอบอก สบายมากครับ


สิ่งดี ๆ ที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

เป็นไงครับ สิ่งที่ผม ตั้งใจทำ ณ วันหนึ่งในอดีต มันเกิดประโยชน์กับผม ขึ้นมาอย่างมากมายในอนาคต ทำให้ผมได้เลื่อนยศตำแหน่งสูงขึ้น มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ถ้าเกิดอยากขายของกับคนต่างประเทศอีก ผมก็ทำได้ทันทีไม่ต้องรอ ไม่ต้องศึกษาอะไรอีก แล้วคุณว่า เรื่องราวที่เราควรจะ ตั้งใจทำ มันหมดไปจากโลกรึยัง ยังมีอะไรน่าทำหลงเหลืออยู่อีกมั้ย บอกได้เลยว่า ยังมีอยู่อีกอย่างมากมาย และเมื่อทำแล้ว ผลของมันก็จะส่งผลดีต่ออนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย เรื่องที่ควรทำเป็นอันดับแรก ๆ ก็เรื่อง สุขภาพ การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การฝึกสมาธิ ฯลฯ การพัฒนาตน ก็พวก ฝึกภาษาต่างประเทศ จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ฯลฯ ฝึกทำอาชีพ ฝึกทำอาหาร ขนม ฝึกทำเว็บ ขายของออนไลน์ เป็นยูทูบเบอร์ ฯลฯ มีเรื่องมากมาย กำลังรอให้คุณไป ตั้งใจทำ อยู่ แล้วขออย่าไปสนว่า ทำไปแล้วจะได้อะไร คุณดูเรื่องของผมสิ ตอนเรียนนิติศาสตร์ ตอนเรียนภาษาอังกฤษ ผมจะรู้มั้ยว่า ผมจะสอบ นายร้อยได้ ผมจะขายของกับคนอเมริกันได้ ปรากฏว่า พอเรามีความสามารถมากพอ โอกาสมาถึงปั๊บ มันก็จะคลิ๊กลงตัวกันพอดี เป๊ะ! คุณคิดว่าหยั่งงั้นมั้ยครับ


แล้วมีโอกาสติดตามเรื่องราวดี ๆ ได้ใหม่ครับ

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คำคม ข้อคิด ดีๆ รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ช่วยชีวิตผมกับครอบครัวไว้ได้

คำคม ข้อคิด ดีๆ สุภาษิต รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม ช่วยชีวิตผมกับครอบครัวไว้

คำคม ข้อคิด ดีๆ สุภาษิต รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม สอนให้ ผมหมั่นหาความรู้ไว้ เราไม่รู้ความรู้ที่แบกหามนี้จะได้ใช้เมื่อไหร่ แต่เมื่อถึงเวลา มันถึงกับช่วยชีวิตผมกับครอบครัวได้ทีเดียว  

จากที่ผมเคยพูดติดค้างไว้ ตอนผมพูดถึงเรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ที่ผมกับคนที่ทำงานติดกันงอมแงม แต่แฟนผมที่อยู่ใกล้ชิด ไม่ยักติด ก็เพราะกิน ฟ้าทลายโจร เป็นประจำ ตามบทความในบล็อกเรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุเอ ที่ทำงานผมเป็นเกือบทุกคน แฟนผมไม่เป็น นี่มันอะไรกัน ที่ปรากฏตามลิงค์นี้ : 
http://bit.ly/37Jtp9x หรือที่ ช่องยูทูปของผมที่ลิงค์ : http://bit.ly/2OgXwxj ที่ผมบอกว่า คำคม ข้อคิด ดีๆ หรือว่า สุภาษิต ที่ว่า รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม สอนให้ ผมหมั่นหาความรู้เติมใส่ตัว เราอาจยังไม่เห็นความสำคัญของมัน แต่วันนึง มันอาจเกิดประโยชน์ขึ้นอย่างมหาศาล ความรู้ที่ผมแบกหามไว้ เรื่อง ถ้าเราทำการชะลอ หรือเบรครถยนต์ จนเบรคมันร้อนมาก ๆ หรือไหม้ควันโก๋ขึ้นเมื่อไหร่ สภาพของผ้าเบรคมันจะเสียไป ทำให้การชะลอ หรือเบรครถทำได้ไม่ดี หรือไม่สามารถเบรคได้ ทางแก้ เราจะต้องหยุดรถรอให้มันเย็นลงเสียก่อน พอผ้าเบรคเย็นลง ผ้าเบรคก็จะกลับมีสภาพสามารถทำให้รถชะลอความเร็ว หรือเบรครถได้เหมือนเดิม ความรู้นี่แหละ ที่ทำให้ผมกับครอบครัว รอดชีวิตจากการขับรถตกดอยอินทนนท์ มาได้ เรื่องราวรายละเอียดเป็นยังไง มาติดตามชมกันครับ


ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ ปี 2550 ผม แม่ผม พี่สาว แล้วก็แฟนผม มีโอกาสได้ไปธุระที่เชียงใหม่ แม่ผมต้องไปจัดการเรื่องคอนโดที่แกซื้อไว้ เกี่ยวกับเรื่องคนเช่า การดูแลรักษาห้อง ผมว่างพอดี ก็เลยเป็นคนขับรถพาแม่ผม พี่สาว แล้วก็แฟน ไปด้วย ถือโอกาสไปเที่ยวกันซะเลย ยานพาหนะที่ใช้ตอนนั้น ก็เป็น รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ไทพ์ซีร์ (Type Z) สภาพของรถตอนนั้น ก็ยังค่อนข้างใหม่ ใช้เดินทางไกล ๆ ได้สบาย ๆ

มาดูกันครับ รถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ ไทพ์ซีร์ หรือ Type Z เนี่ย มีเกียร์ที่มีลักษณะเป็นยังไง มีเกียร์ที่จะใช้หน่วงความเร็วของรถขณะลงจากเขา หรือที่ลาดชันได้มั้ย มาติดตามดูกันครับ


รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ไทพ์ซีร์ Type Z 


รถยนต์รุ่นนี้ ไม่มีเกียร์หน่วงความเร็ว

ผมกับสมาชิกครอบครัว ออกเดินทางจากบ้านแม่ที่ อ.เมือง จ.นครปฐม ก็ขับเรื่อย ๆ ไปจนถึง จ.เชียงใหม่ การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ถึง จ.เชียงใหม่ ก็ตรงไปที่คอนโดของแม่ผมก่อนเลย จัดการธุระปะปัง เรื่องห้องในคอนโดกันเรียบร้อย ไม่มีอะไรทำกันแล้ว ก็ไปหาข้าวปลาอาหารกินกันในตลาด ช่วงนั้นยังเป็นช่วงบ่าย ๆ ประกอบกับได้ข่าวว่า สวนนงนุช เค้ามาจัด มหกรรมพืชสวนโลก พอดี ผมก็เลยถือโอกาส ไปเที่ยวงาน มหกรรมพืชสวนโลก กับเขาไปด้วย ผมจำสถานที่ที่แน่นอนไม่ได้แล้วว่าเป็นที่ไหน ก็ได้โอกาสไปเที่ยวแล้วเก็บรูปกันมาได้หลายรูปพอดู การจัดตกแต่งสถานที่เค้าทำได้ดีแล้วก็สวยงามมาก มีการนำเอาศิลปะนานาชาติ แล้วก็ต้นไม้สารพัดชนิดนานาพรรณ มาแสดง ใครชอบต้นไม้นี่ ดูไม่รู้จักเบื่อเลยทีเดียว พอดูงานเสร็จ ช่วงเย็น หาข้าวปลาอาหารกินเรียบร้อย ก็กลับไปพักผ่อนที่คอนโดแม่ผม 

พอตอนเช้า กะกันไว้แล้วว่า ก่อนจะกลับบ้าน จะต้องแวะเที่ยวที่ไหนซักแห่ง พูดกันไปมาก็สรุปได้ว่า จะขึ้นไปเที่ยว ดอยอินทนนท์ กันดีกว่า ไม่ได้ขึ้นไปกันนานมากแล้ว ผมก็ประเภท ว่าไงว่าตามกัน ก็ขับรถพากันขึ้นดอยอินทนนท์ไป ผมนี่ลืมเรื่องนึงสนิทไปเลย เมื่อก่อนนั้น ประมาณ 2 - 3 ปีก่อน ขณะที่ผมทำงานอยู่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเด็กและสตรี (หรือ บก.ปดส.) ผมมีโอกาสไปทำงานที่ จ.เพชรบูรณ์ ผมเคยขับรถยนต์ ฮอนด้า ซิตี้ ไทพ์ซีร์ คันนี้นี่แหละ ขึ้น เขาค้อมาแล้ว แล้วผมก็ประสบปัญหาตอนขับรถลงจาก เขาค้อ ทางมันจะค่อนข้างชัน ผมเบรครถจนเบรคไหม้ควันโก๋มารอบนั้นมาครั้งนึงแล้ว มาตอนที่จะขึ้นดอยอินทนนท์ครั้งนี้ ผมลืมสนิทไปเลยว่า เคยขับรถคันนี้แหละ ขึ้นเขาค้อมาแล้ว พอตอนลงเบรคไหม้ควันโก๋เลย ความที่ลืมเสียสนิท ก็เลยขับรถขึ้นดอยอินทนนท์ไปเฉย ไม่ได้กังวลอะไรเลย ระหว่างทางขาขึ้น ไม่มีปัญหาครับ รถมันก็จะไต่ความสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ มันอาจจะช้าหน่อย แต่มันก็จะขึ้นไปได้เรื่อย ๆ ผมไม่ได้มีความระแวงเลยว่า แล้วขาลงผมจะทำยังไง ผมลืมสนิทเลยเรื่องที่เคยลงจากเขาค้อ ขึ้นไปถึงบนดอยอินทนนท์ สูงสุดยอดแดนสยาม ก็เก็บภาพไว้หลายภาพ ดื่มด่ำกับบรรยากาศความหนาวเย็นที่พื้นราบไม่มี ข้างบนนี้เย็นเฉียบเลย ในขณะที่ พื้นราบของ จังหวัดเชียงใหม่ นี่อย่างร้อนเลย ก็ชื่นชมกับธรรมชาติ แล้วก็สถานที่อีกนิดหน่อย ก็ได้เวลาลงเขา คราวเนี่ย ตอนลงเขานี่แหละ ที่ภาพความทรงจำตอนลง เขาค้อ เริ่มย้อนกลับมาปรากฏให้เห็นในความทรงจำ คิดว่า เอาแล้วไง เฮ้ย ทางลงทำไมมันชันอย่างนี้วะ ใครที่เคยไป ดอยอินทนนท์ คงไม่ต้องบรรยายนะครับว่า ดอยอินทนนท์ เค้าสูงแล้วก็ชันยังไง ผมขับรถลงมาได้ไม่กี่ร้อยเมตรเอง ควันไฟ กลิ่นไหม้ ตลบคุ้งออกมาจากทั้ง 4 ล้อเลย ผมก็งง อ้าว เกิดอะไรขึ้นหละ ก็เลยเบรครถเข้าข้างทางด้านซ้าย พอลงมาดู ควันไฟโก๋ออกมาจากทั้ง 4 ล้อ ผมก็รู้แล้วว่า เกิดจากการเบรครถบ่อย ๆ แล้วก็แช่เบรคไว้ พอมันเสียดสีเกิดความร้อนมาก ๆ ผ้าเบรคมันก็ไหม้ ตอนนี้แหละ ที่ความรู้เดิมที่ผมเคยจดจำเอาไว้ว่า ถ้าเราเบรครถจนเบรคมันร้อนไหม้ควันโก๋ ผ้าเบรคซึ่งตามปกติมันจะมีสภาพแข็ง เวลามันเสียดสีกับตัวเบรค มันก็จะสามารถชะลอ ลดความเร็ว หรือว่าหยุดรถ ได้ตามแต่เราต้องการ แต่ถ้าหากผ้าเบรครถของเราเกิดร้อนจนไหม้ สภาพของผ้าเบรคเรามันจะไม่มีสภาพเป็นของแข็ง มันจะละลายตัวกลายสภาพเป็นของนิ่ม ๆ หรือเสื่อมสภาพความเป็นผ้าเบรคไป ถ้าความร้อนมันร้อนถึงขนาดเป็นเวลานาน หรือจนมันไหม้ มันก็จะทำให้เวลาตัวเบรคไปจับกับผ้าเบรค จะไม่สามารถชะลอ ลดความเร็ว หรือหยุดรถได้ เนื่องจากสภาพของผ้าเบรคเสียสภาพไปแล้ว ถ้าเกิดอย่างนั้นเมื่อไหร่ รถของเราที่ไม่สามารถชะลอ หรือหยุดรถได้ ทางข้างหน้าเป็นอะไร มันก็จะพุ่งไปตามความเร็วของรถนั่นแหละ บรรดารถที่ตกเขา หรือตกข้างทาง ที่เคยได้ยินกันบ่อย ๆ อาการอย่างนี้แหละ ที่เค้าเรียกกันว่า เบรคแตก มันก็คือ อาการที่รถมันเบรคไม่อยู่ ก็ด้วยสาเหตุ ผ้าเบรคมันเสียสภาพจากเบรคไหม้นั่นเอง ในวันและเวลานั้น ถ้าผมไม่เคยมีความรู้เรื่องผ้าเบรคร้อน แล้วผ้าเบรคเสียสภาพ หมดความสามารถในการเบรค ผมก็อาจจะฝืนขับรถต่อไปทั้งที่เบรคมันเสียสภาพ หรืออาจรออีกเพียงเล็กน้อย แล้วก็ขับรถต่อไป ทั้งที่ผ้าเบรคมันยังไม่เย็น ถ้าผมฝืนขับไป หรือขับรถขณะที่ผ้าเบรคมันยังไม่เย็นกลับคืนสภาพแบบนั้น คงไม่ต้องสงสัยนะครับ ผมกับครอบครัวได้มีโอกาสเป็นข่าว ขับรถตก ดอยอินทนนท์ อย่างไม่ต้องสงสัย ผมว่า คนขับรถจำนวนมาก ๆ ที่ขับรถเบรคแตกตกเขา น่าจะเกิดจากสาเหตุนี้กันมากพอสมควร ของผมบังเอิญโชคดี มีความรู้ตรงนี้อยู่พอดี เลยไม่ต้องเกิดเหตุร้ายขึ้น

ผมจอดรถเพื่อให้ผ้าเบรคมันเย็น ผมก็คิดมากเลยว่า แล้วผมจะขับรถลงไปได้ยังไง เห็นทีต้องสอบถามคนขับรถผ่านไปมาแล้ว โชคเข้าข้างอย่างมาก อยู่ ๆ มีรถยนต์คันนึง ขับมาจอดต่อท้ายรถผมพอดีเลย ตอนแรกก็นึกว่า เค้ามีอะไรจะสอบถามหรือคุยกับพวกผมมั้ย ปรากฏว่า เค้าลงมาทำธุระเล็กน้อยของเค้า ไม่ได้เกี่ยวกับผมหรอก แต่ทั้ง ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับผมเลยเนี่ย ผมกลับคิดว่า เค้าโคตรจะมาได้ถูกที่ตรงเวลาเปี๊ยบเลย ผมได้โอกาสถามเค้าพอดีเลยว่า พี่ ผมขับ รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ ขึ้นเขามา ปรากฏว่า รถมันไม่มีเกียร์ที่จะช่วยดึงความเร็วรถ จนผมเหยียบเบรคไหม้ควันโก๋อย่างเนี่ย ผมควรจะต้องทำยังไงครับ พี่คนขับเค้าตอบผม อย่างตรงเผงกับสิ่งที่เราต้องการเป็นที่สุด เพราะอะไรเหรอครับ ก็เค้าใช้รถที่ไม่มีเกียร์ดึงความเร็วแบบผมเลย เค้าบอกเลยว่า รถเค้าก็ไม่มีเกียร์ สำหรับดึงความเร็วรถขณะลงเขาเหมือนกัน แต่ผมก็จำไม่ได้นะว่า รถพี่เค้ายี่ห้อ หรือรุ่นไหน แต่สิ่งที่พี่เค้าบอกเนี่ย เป็นประโยชน์กับผมมากเลย พี่เค้าบอกว่า การขับรถลงที่ชันมาก ๆ อย่างดอยอินทนนท์เนี่ย เราต้องแตะเบรคให้น้อยที่สุด ทุกคนที่ขับแล้วไม่รู้หลักการเนี่ย เบรคไหม้ทุกคันแหละ เราก็ถามต่อไปว่า แตะเบรคให้น้อยที่สุดนี่ มันต้องทำยังไงพี่ เค้าบอกเลยว่า ห้ามแตะเบรคแช่เด็ดขาด แตะปุ๊ปต้องยกเท้าปั๊บเลย แตะแช่แค่นิดเดียว พอนานเข้าความร้อนเบรคมันจะสูง แล้วเกิดการไหม้ได้ ผมก็ขอบคุณพี่เค้าอย่างมาก พี่เค้าได้จังหวะ ก็ขับรถไป ผมมองดูความร้อน แล้วก็เอามือจับบริเวณเบรคของล้อรถ เห็นว่า บริเวณเบรคเย็นแล้ว ไม่มีความร้อนแล้ว ก็เริ่มหละนะ จะได้ลงเขากันอีกรอบ

ตอนผมได้ยินพี่เค้าบอก แตะเบรคให้น้อยที่สุด ผมก็จินตนาการนะ มันจะแตะน้อยยังไง จะแตะแล้วยกเลยแบบพี่เค้าบอกยังไง แต่ไง ๆ ก็ต้องลงมือทำกันแล้วแหละครับ หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เวลาก็บ่ายแล้ว เดี๋ยวมืดเข้าลำบากหนักเข้าไปอีก ตอนที่รถผมเบรคควันโก๋แล้วจอดอยู่เนี่ย มันเพิ่งจะลงจาก ยอด ดอยอินทนนท์ มาแค่ชั่วพักเดียว ยังอยู่หางตีนเขาคิดระยะทาง ก็แทบจะเต็มระยะทางของมันแหละ คิด ๆ ก็เป็นงานหินอยู่พอสมควร เอาหละครับ เป็นไงเป็นกัน พอเริ่มขับรถลงเขา ความลาดชันมาก ๆ ประกอบกับถนนมีทางเลี้ยวโค้งมากมาย มีทั้งโค้งกว้าง โค้งแคบ แล้วก็โค้งแทบจะหักศอกกลับก็มี ความเร็วรถที่ต้องขับแบบ แตะเบรคนิดเดียวแล้วปล่อยไหลลงมา ทำได้แค่แตะเบรคแล้วยก แตะแล้วยก เท่านั้นจริง ๆ ถ้าเป็นโค้งที่กว้าง ๆ แล้วก็เป็นโค้งที่เค้าทำเอียงช่วยการทรงตัวของรถอยู่บ้าง มันก็ไม่ค่อยหวาดเสียวเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นโค้งแคบ ๆ แล้วขับแบบแตะเบรคแล้วยกเลยแบบนี้ ความเร็วมันจะสูงกว่าที่ผมขับตามปกติมาก ตลอดระยะทางต้องขับรถไปในลักษณะแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ ผมไม่เคยขับรถแข่งแรลลี่แบบที่ดูในหนังมาก่อน แต่บอกได้เลยว่า วันนั้น ผมขับแบบแรลลี่เลย ความเร็วรถขณะเข้าโค้ง แบบเหยียบเบรคได้แค่ แตะแล้วยก แต่ละโค้ง เป็นความเร็วที่ผมไม่คุ้นเลย เหมือนกับขับแบบไม่ต้องเบรค มันน่ากลัวมาก กลัวว่ามันจะพลาด กลัวมีคนมาตัดหน้า กลัวเหตุอะไรจะเกิดสารพัด เป็นการขับขี่ด้วยความเร็วระดับแรลลี่ ตลอดทางลงเขา แล้วในที่สุด ผมกับครอบครัวก็ลงมาถึงตีนเขาได้อย่างปลอดภัย ผมหละปล่อยลมหายใจ "เฮ้อ" ออกมาอย่างโล่งอก คราวนี้ คงจะจำไปอีกนานเลย ถ้าจะขึ้นเขาอีกเมื่อไหร่ จะต้องไม่ใช้ รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ แบบนี้มาขึ้นเขาอีก

วันนี้มีโอกาส เลยนำเรื่องมีสาระความรู้ดี ๆ มีประโยชน์กับทุกท่าน มานำเสนอให้ได้รับชมรับฟังกัน เผื่อใครที่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือรู้เรื่องแบบนี้ มาก่อน หากต้องขับรถยนต์ขึ้นเขาสูงทางลาดชัน ทางที่ดี อย่าเอารถที่เป็นเกียร์ออโต้ แล้วก็ไม่มีเกียร์ที่จะช่วยดึงหน่วงความเร็วรถขับขึ้นไปเลย มันมีความเสี่ยงมาก การขับรถลงเขาชันแบบที่แทบไม่ได้เบรคเลย เสี่ยงต่ออุบัติเหตุอย่างมหาศาล อย่าเอาชีวิตตัวเอง กับคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงไปเสี่ยงด้วยเลย ไม่คุ้มหรอกครับ พอได้รับชมรับฟังกันไป อย่างน้อย ๆ ก็มีความรู้แบบนี้ติดตัวไว้ ไม่เสียหลายแน่นอน แบบที่ สุภาษิต รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม สอนไว้ ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจครับ มีเรื่องดี ๆ มีสาระน่าสนใจอะไรอีก จะมานำเสนอให้ทุกท่าน ได้รับชมรับฟังกันในโอกาสหน้าต่อไป สวัสดีครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน อย่าพลาดเพียงเพราะเรื่องแกร๊กเดียว

คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน วันนี้ คือ อย่าพลาดเพราะเรื่องแกร๊กเดียว

คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน ที่ผมมานำเสนอในวันนี้ คือ อย่าพลาดเพียงเพราะเรื่องแกร๊กเดียว เรื่องแกร๊กเดียวที่ผมพูดถึงก็คือ การล็อกแม่กุญแจเพื่อปิดประตูนั่นเอง

ขอย้อนยุคกลับไปเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2536 ขณะนั้น ผมยังมียศเป็น สิบตำรวจตรี มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ คือ เป็นยามเฝ้าห้องขังดูแลผู้ต้องหา อยู่ที่ สถานีตำรวจภูธร ตำบลโพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม ตอนนั้น เป็นยุคเริ่มแรกของการก่อตั้งสถานีตำรวจ เป็นช่วงที่หลวงมาทำการเปิด โรงพักโพรงมะเดื่อใหม่ ๆ ตัวสถานีตำรวจยังใช้อาคารไม้เก่า ๆ อยู่ หลัง ๆ มีโอกาสได้ผ่านไป รู้สึกว่า ปัจจุบันตัวสถานีสร้างเป็นอาคารคอนกรีตใหญ่โตโอ่อ่าไปแล้ว พูดถึงตอนที่เป็นโรงพักไม้เก่านั้น ห้องขังผู้ต้องหาเค้าทำไว้อยู่บนชั้น 2 ต้องเดินขึ้นบันไดด้านหน้าขึ้นไปบนชั้น 2 จึงจะพบกับห้องขัง เป็นห้องขังห้องเดี่ยว เล็ก ๆ ใส่คนไม่กี่คนก็แน่นแล้ว เค้าทำที่ถ่ายหนักถ่ายเบาอยู่ในห้องขังด้วย แต่สิ่งนึงที่มันควรจะมีพร้อมกับที่ถ่ายหนักถ่ายเบา คือ ก๊อกน้ำ ในห้องขังนั้นกลับไม่มีก๊อกน้ำ ถ้าจะมีการใช้น้ำราดสิ่งที่ถ่ายหนักเบาไป เกิดน้ำหมด ก็ต้องเอาถังน้ำลงไปตักน้ำจากชั้นล่างเอาขึ้นมาใช้ข้างบน 

ตอนนั้น การเข้าเวรยามเฝ้าห้องขัง จะใช้ตำรวจเพียงคนเดียว คนอื่นที่เข้าเวรด้วยก็มี เช่น ร้อยเวร สิบเวร แต่เค้าก็ไม่ได้มาเฝ้าผู้ต้องหาแบบผม ตอนนั้น ผมแทบจะเด็กที่สุด เค้าก็จัดให้มีหน้าที่เข้าเวรยามเฝ้าผู้ต้องหาหน้าห้องขัง หน้าห้องขังก็มีโต๊ะเก้าอี้ทำงาน มีทีวีดู พอตกเย็นเวลานอน ก็จะเอาเตียงผ้าใบมากางนอนเวลากลางคืน ในระหว่างที่เข้าเวรยาม ก็หลบไม่พ้นว่า จะต้องเอาผู้ต้องหาไปตักน้ำจากก๊อกน้ำที่อยู่ชั้นล่างขึ้นมาใช้ วิธีการก็คือ จะต้องเปิดประตู เอาตัวผู้ต้องหาถือถังน้ำลงไปตักน้ำขึ้นมา พวกผมที่เข้าเวรยาม ก็จะใช้วิธีการนี้กันทุกคนแหละ ก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นวิธีการที่หละหลวมมาก ซึ่งทุกท่านก็คงคิดเหมือนผมนั่นแหละ แล้วมันก็เกิดเหตุขึ้นจริง ๆ อย่างที่เราคิดกันนั่นแหละ เป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกันมากแบบเดจาวู 2 เหตุการณ์เลย แต่ผลของเหตุการณ์กลับต่างเป็นตรงกันข้ามกัน ซึ่งผมกำลังจะเล่าให้ฟังในช่วงต่อจากนี้ไป

เอาเรื่องของผมก่อนเลยนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน มีอยู่วันนึง ขณะที่ผมเข้าเวรกะกลางคืนแล้วต้องออกเวรตอนเช้า ก่อนออกเวร ผู้ต้องหาซึ่งมีกันอยู่ 5 - 6 คน ก็ต้องมีการเข้าห้องน้ำขับถ่ายกันบ้าง ก็ต้องมีการใช้น้ำราด พอน้ำหมด ผู้ต้องหาคนนึง ก็เรียกผมขอลงไปตักน้ำที่ก๊อกน้ำด้านล่าง ผมก็ไขแม่กุญแจเปิดประตูห้องขัง ประตูห้องขังเป็นแบบสายยูมีแม่กุญแจใหญ่ ๆ ล็อก ผมก็เปิดประตู แล้วก็เรียกผู้ต้องหาคนที่เรียกเรา ให้เดินหิ้วถังน้ำออกมา จากนั้นผมก็ปิดประตู ตอนนั้นผมคิดว่า "เออ ไปแค่เดี๋ยวเดียวเอง ไม่ต้องล็อกต้องเลิ๊กแม่กุญแจมันหรอก เดี๋ยวก็ขึ้นมาแล้ว" ผมก็แค่ผลักบานประตูปิดโดยไม่ได้ล็อกแม่กุญแจ แล้วก็พากันเดินลงไปกับ ผู้ต้องหาเพื่อไปตักน้ำ ผมกับผู้ต้องหาลงไปได้พักเดียว เมียตำรวจคนนึงที่อยู่แถวหน้าโรงพัก ตะโกนเสียงดังโหวกเหวกให้ได้ยินว่า "เฮ้ย! เมื่อกี้เห็นคน 2 คน เดินลงมาจากชั้น 2 ของโรงพัก ใช่ผู้ต้องหาหรือเปล่า" พอผมได้ยินเสียงโหวกเหวก ก็เรียกให้ผู้ต้องหาที่ลงไปตักน้ำกับผม กลับขึ้นไปบนห้องขัง พอขึ้นไปบนห้องขังเท่านั้นแหละ รู้เลยว่า ผู้ต้องหา 2 คน ฉวยโอกาสที่ผมไม่ได้ล็อกแม่กุญแจประตู เปิดประตูวิ่งหลบหนีไป งานเข้าแล้วครับ ยุ่งละซี ตอนนั้น ผมเพิ่งจะเรียนจบ ปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซะด้วย กำลังคิด จะไปสอบนายร้อยอยู่พอดี พอรู้ว่า ผู้ต้องหา 2 คน หลบหนีไปอย่างนี้ ผมคิดเลยว่า "เสร็จกันกู ไม่ต้องส่งต้องสอบมันแล้ว" ตอนนั้นหัวมันก็คิดอยู่แต่อย่างนี้เลย แต่ก็ยังไม่ละความพยายามนะ ขึ้นรถมอร์เตอร์ไซด์ได้ ควบตะบึงมั่วไปหมด วิ่งไปตามถนน ตามทางที่คาดว่า ผู้ต้องหา จะหนีไป แต่โทษที ไม่เห็นวี่แววว่าจะพบผู้ต้องหาเลย

ขี่รถตะลอนไปได้พักใหญ่ ได้ยินเสียงวิทยุตำรวจ แจ้งว่า สกัดจับผู้ต้องหาที่หนีไปได้แล้ว พอผมได้ยินอย่างนั้น ผมโล่งอกเลยทีเดียว คิดว่า "เออ ดวงเรายังดีแฮะ อย่างนี้ยังมีสิทธิสอบนายร้อยได้หวะ" แล้วก็ขี่รถไปดูผู้ต้องหา 2 คน ที่ถูกจับ

ผู้ต้องหา 2 คน ที่หนีขณะที่ผมเข้าเวรยามอยู่นั้น เค้าหนีจากโรงพักโพรงมะเดื่อ ออกไปทางสุสานที่อยู่ใกล้ ๆ ห่างกันออกไปประมาณซัก 300 เมตร ซึ่งขณะที่ผู้ต้องหากำลังวิ่งหนีอยู่นั้น มีคนที่ทำงานอยู่ที่สุสานนั้น เห็นคนวิ่งมาท่าทางผิดสังเกตอยู่ 2 คน ทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ แล้วก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำของสุสาน บังเอิญพี่คนนั้นเค้ารู้จักกับตำรวจโรงพักโพรงมะเดื่อ ก็เลยแจ้งให้ตำรวจรู้เรื่อง ก็เลยเข้ามาล้อมที่ห้องน้ำของสุสาน แล้วก็จับตัวเอาไว้ได้ พอได้ตัว ถามผู้ต้องหา 2 คน เค้าบอกว่า ที่เข้ามาซ่อนตัวในห้องน้ำไว้ก่อน ก็กะว่า ปลอดคนเมื่อไหร่ โอกาสเหมาะ ๆ แล้วค่อยหนี แต่อารามความซวย ดันมีคนเห็นตอนเข้ามาหลบซะก่อน เลยต้องโดนจับรอบสองซะฉิบ เรื่องนี้ ก็เป็นอันจบไปอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง คือ ผมมีสิทธิ์ไปสอบนายร้อยได้ ไม่ต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน ถูกลงโทษทางวินัย ถ้าไม่สามารถจับตัวผู้ต้องหา 2 คน กลับมาได้ ขอขยายความเล็กน้อย การที่ผู้ต้องหาหนีไป ขณะที่อยู่ในความควบคุมของเรานั้น ถ้าเป็นตามปกติ ผมจะต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน แล้วระหว่างที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ผมจะไม่มีสิทธิสอบนายร้อยได้เลย ถ้าตอนนั้น จับผู้ต้องหา 2 คนไม่ได้ ผมก็ไม่มีสิทธิ์ได้สอบนายร้อย แล้วจนกว่ากรรมการจะสอบสวนเสร็จ อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แล้วผมจะยังมีไฟในการสอบอีกมั้ย ไม่มีทางที่จะตอบได้เลย แล้วคุณดูสิ ปีนั้น หลังจากที่ผมมีสิทธิ์สอบ ผมก็ประสบความสำเร็จ สามารถสอบนายร้อยได้เลยซะด้วย คุณดูสิครับ โชคของผมดีขนาดไหน นอกจากไม่ต้องถูกตั้งกรรมการลงโทษทางวินัยแล้ว ยังสอบได้นายร้อย เพิ่มฐานะตัวเองได้ตามความใฝ่ฝันอีกด้วย

คราวนี้ ย้อนภาพกลับไปดูว่า ทำไมผู้ต้องหา 2 คน ถึงหนีไปได้ ในขณะที่ผมเข้าเวรยามหน้าห้องขังอยู่ ค่อย ๆ นึกดู คุณจะพบว่า ตอนเปิดประตูห้องขังเพื่อเอาตัวผู้ต้องหาออกมาหิ้วน้ำ ด้วยผมคิดว่า จะพาผู้ต้องหาลงไปตักน้ำเพียงเดี๋ยวเดียว ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยไม่ยอมล็อกแม่กุญแจหน้าห้องขังนั่นเอง 

มาดูกันว่า การล็อกแม่กุญแจหน้าห้องขังผู้ต้องหาหนะ มันมีความยากเย็นแค่ไหน ลองดู ภาพการล็อกแม่กุญแจเพื่อปิดประตูห้องของผม ที่ผมนำเสนอให้ดูเพื่อเปรียบเทียบ ชั่งน้ำหนัก แล้วให้เห็นภาพว่า การล็อกแม่กุญแจประตู มันมีความยากง่าย แล้วก็เสียเวลาของเราไปขนาดไหน



การล็อกแม่กุญแจประตู ง่ายมาก ทำไมผมไม่ล็อกมันเฉยเลย

เห็นหรือเปล่าครับ การล็อกแม่กุญแจประตู เป็นการกระทำที่ง่ายมาก ไม่เสียเวลา ไม่มีความยุ่งยากอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วทำไม เรื่องง่าย ๆ แค่เนี่ย ตอนนั้น ทำไมผมถึงมีความคิดว่า ไม่ต้องล็อกมันหรอก เดี๋ยวเดียวก็ขึ้นมาแล้ว ผมคิดอย่างงั้นไปได้ยังไง 

ผู้ต้องหาที่อยู่ในห้องขังหนะ ถ้าเค้าอยากจะหนีนะ แม้คุณเฝ้าเค้าอย่างแข็งขัน เค้าก็ยังหาจังหวะที่จะหนีอยู่ตลอด แล้วนี่ผมเปิดโอกาสให้จังเบอร์อย่างนี้ มีหรือที่จะไม่หนี ยังดีนะ คนที่เหลือ แล้วก็คนที่ผมพาลงไปตักน้ำไม่หนีไปด้วย อย่างที่บอก คนที่เค้าเรื่องเล็กน้อย คนที่ไม่อยากหนี เค้าก็ไม่หนี มีโอกาสเค้ายังไม่หนีเลย มีเพียง 2 คน ที่หนีนั่นแหละ ที่ฉวยโอกาสเปิดประตู ตอนผมไม่ได้ล็อกแม่กุญแจนั่นแหละหนีไป คุณเห็นมั้ยว่า ดวง หรือ โชค ของผมมันยังดีอยู่จริง ๆ ขนาดคน 2 คน หนีหายไปแล้ว ยังมีคนเห็น บอกตำรวจให้จับตัวกลับมาได้ แล้วผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ ก็ไม่มีใครหนีไปด้วย เฮ้อ! คิดแล้วใจหาย ถือว่าดวงผมมันยังดีอยู่จริง ๆ

มูลเหตุของการหนีครั้งนี้ ไม่มีอะไรมากเลย นอกจาก การไม่ยอมล็อกแม่กุญแจห้องขัง ของผมเพียงแกร๊กเดียว ถ้าตอนนั้นผมล็อกแม่กุญแจห้องขังซะแล้ว เรื่องที่ผมเล่ามายาวยืด คงไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้เลย ดังนั้น ผมขอให้นำ คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงานดี ๆ ง่าย ๆ ที่ผมได้รับมาจากความผิดพลาดของตัวเองในครั้งนั้น เป็น คำคม ข้อคิด ดีๆ ที่เหมาะสำหรับทุกท่าน เอาไว้หมั่นเตือนสติตัวเองเสมอ ๆ ดังนี้

อันคำว่า เซฟตี้เฟิร์ส ที่เคยรู้
เค้าให้ดู เฝ้าระวัง กันเอาไว้
ทั้งไฟฟ้า ฟืนไฟ อย่าไว้ใจ
ไม่ประมาท ดูแล ให้จงดี
ดูตัวอย่าง ของผู้เขียน ให้ชัด ๆ 
เกือบโดนอัด ด้วยวินัย ไปซะแล้ว
ถ้าบังเอิญ ต้องเข้าเวร ระวังภัย
พยายาม อย่าหลงลืม เรื่องแกร๊กเดียว

ทุกวันนี้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องทำ เพื่อป้องกันเหตุร้ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น แฟนผมกำลังทำกับข้าวเปิดไฟอย่างแรง แล้วเดินไปคุยกับเพื่อนบ้าน, ตอนผมไปรับแม่ผม ต้องจอดรถยนต์หน้าบ้านแล้วปล่อยรถให้ติดเครื่องไว้, ตอนจอดรถยนต์ แล้วต้องเดินไปทำธุระห่างจากรถออกไป ฯลฯ ทั้งสามสถานการณ์ที่เป็นตัวอย่างนี้ ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ ผมจะทำอย่างไรบ้าง นี่เลย ผมจะหมุนสวิทช์เตาแก๊สเบาไฟลง หรือถ้าดูแล้ว แฟนผมไม่น่าจะกลับมาที่เตาแก๊สเร็ว ๆ นี้แน่ ผมจะปิดเตาแก๊สไปเลย เรื่องที่ติดเครื่องรถยนต์แล้วลงไปทำธุระ ผมจะปิดสวิทช์ดับเครื่องไปเลย ไม่ปล่อยให้รถติดเครื่องเอาไว้โดยที่ตัวผมไม่ได้นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ (คนติดเครื่องรถไว้ แล้วโดนคนอื่น ฉวยโอกาสขึ้นขับหลบหนีไปมีมามากมายแล้ว ผมเคยประสบเหตุอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเองมาชัด ๆ แล้ว ดังนั้น ไม่จำเป็นโปรดอย่าเสี่ยง ขอบอก) แล้วเรื่องจอดรถแล้วตัวเราต้องออกไปทำธุระห่างรถ ไม่ว่าผมจะจอดรถไว้ที่ไหน จะเป็นสถานที่ทำงาน หรือในที่ที่ไม่น่าจะมีใครมาทำอะไรกับรถ ผมก็จะต้องล็อกรถทันที ผมต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอ จะไม่ยอมปล่อยผ่านอะไรทำนองนี้ไปอีกแล้ว อย่าปล่อยให้เรื่องบางเรื่องอย่างที่ผมเล่ามา กลายเป็นเรื่องที่บันดาลผลเลวร้ายให้เกิดกับเรา เป็นเพราะเรื่องเพียงแค่แกร๊กเดียว คุณลองจินตนาการกันดูเล่น ๆ นะครับ หากผม หรือตำรวจพวกผม ไม่สามารถตามตัวผู้ต้องหา 2 คนกลับมาได้ในวันนั้น ชีวิตหลังจากนั้นของผมจะเป็นยังไง จะได้มาเป็น สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น คนนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอ ๆ ปัจจุบันยังคงเป็นนายสิบตำรวจอยู่ที่โรงพักโพรงมะเดื่ออยู่นั่นเอง

แล้วเรื่องอีกเรื่องที่ผมติดไว้ ที่ผมบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เหมือน หรือคล้ายกันกับเรื่องที่เกิดกับผมมาก แต่ผลที่ได้ต่างกัน มันเป็นเรื่องอะไร มาติดตามดูกันครับ หลังจากที่ผู้ต้องหา 2 คนของผมหนีในครั้งนั้นแล้ว ผมก็สอบนายร้อยได้ ต้องไปเข้ารับการอบรมแล้วก็ย้ายออกจากโรงพักโพรงมะเดื่อไป ก็มีโอกาสได้กลับมาเที่ยว ได้ฟังเรื่องราวที่เหมือน หรือคล้ายกับที่ผมโดนเปี๊ยบเลย เพียงแต่รายละเอียดนิดหน่อยที่มันต่างกัน แต่ขอบอกว่า ผลของมันต่างกันแบบฟ้ากับเหว เรื่องก็มีอยู่ว่า มีตำรวจคนนึงย้ายมาอยู่โรงพักโพรงมะเดื่อหลังผมเล็กน้อย เป็นรุ่นพี่ เค้าก็ต้องเข้าเวรยาม เฝ้าผู้ต้องหาหน้าห้องขังเหมือนผม แล้วก็หลบไม่พ้นหน้าที่พาผู้ต้องหาลงมาตักน้ำ ก็เหมือนกันเด๊ะ ผมก็ไม่รู้ว่า ทำไมเค้าไม่ทำก๊อกน้ำขึ้นไปที่ห้องขังก็ไม่รู้ รุ่นพี่ผมเค้าก็ต้องทำวิธีการแบบเดิม ๆ อย่างที่ผมทำนั่นแหละ คือ ตอนเช้าที่ผู้ต้องหาเค้าเข้าห้องน้ำ ต้องใช้น้ำ พี่เค้าก็ต้องพาผู้ต้องหาคนนึงลงมาตักน้ำ ปรากฏว่า ของพี่เค้านี่ ความซวยมีมากกว่าผม ผู้ต้องหาคนที่พี่เค้าพาลงมาตักน้ำเนี่ย คิดไม่ซื่ออยู่ก่อนแล้ว เค้าคิดอยากจะหนีเองอยู่แล้ว เค้าเพียงแค่รอ ถ้าสบโอกาสเมื่อไหร่เป็นหนีทันที แล้วช่องโหว่ของการเอาผู้ต้องหาลงไปตักน้ำตามที่ผมเล่าเป็นไงครับ หมูเลย อาศัยเวลาลงมาตักน้ำ เค้ารู้อยู่ว่า มีตำรวจเพียงคนเดียวคุมตัวลงมาด้วย ถ้าฉวยจังหวะดี ๆ ทำให้ตำรวจเสียจังหวะนิดหน่อย วิ่งหนีเร็ว ๆ ก็น่าจะหนีได้แล้ว ดังนั้น วันนึงที่รุ่นพี่ผมเค้าพาผู้ต้องหาลงมาตักน้ำ ผู้ต้องหาก็ใส่น้ำในถังจนเกือบเต็ม แล้วก็หิ้วน้ำขึ้นมาทำท่าเดินไป พอได้จังหวะที่รุ่นพี่เค้าเผลอ ผู้ต้องหาคนนั้นก็หันมา เอาถังน้ำที่มีน้ำเกือบเต็มหนะ สาดเข้าไปที่หน้าของพี่เค้า สาดไปทั้งถังน้ำนั่นแหละ รุ่นพี่ผมพอโดนน้ำสาดมาทั้งถังเข้าที่หน้าตรง ๆ ก็ตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูก นั่นแหละ จังหวะที่ผู้ต้องหาคนนั้น ใส่ตีนหมาวิ่งแนบไปลิ่วแล้ว ผู้ต้องหาเค้าวิ่งออกไปทางหน้าโรงพัก เลี้ยวออกไปทางขวา ประมาณซัก 2 - 3 ร้อยเมตร ก็จะมีดงอ้อยที่ชาวบ้านเค้าปลูกพุ่มหนา ๆ ขึ้นอยู่ เขต ต.โพรงมะเดื่อ เนี่ย ไม่ต้องห่วงเลยครับ ดงอ้อยมีอยู่เต็มทั่วบริเวณไปหมด พอผู้ต้องหาหนีเข้าดงอ้อยได้ เท่านั้นแหละครับ หายจ้อยไปเลย ตำรวจทั้งโรงพักระดมกำลังกันตามหา หายังไงก็หาไม่พบ ก็ต้องเลิกหาหละครับ ก็ต้องใช้วิธีการ ให้สายสืบช่วยไปตามหาที่บ้านของผู้ต้องหา เผื่อเจอตัวก็ให้ช่วยจับกลับมา แต่เท่าที่ผมรู้มา พี่เค้าไม่สามารถตามผู้ต้องหากลับมาได้ อย่างนี้ ก็ต้องถูกลงโทษทางวินัยไปตามปกติ คุณเห็นหรือยังครับ เรื่องราวของพี่เค้าที่เล่าทีหลัง รายละเอียดเหมือน หรือคล้ายกับเรื่องผมเลยใช่มั้ยครับ แต่ผลที่เกิดตรงกันข้ามกัน ของผมนั้นโชคดีเหลือขนาด ถ้าโชคไม่ดี ก็ต้องรับโทษเป็นอย่างเดียวกับพี่เค้าหละครับ ถ้าตอนนั้นจับผู้ต้องหา 2 คนไม่ได้ ไง ๆ ปีนั้น ผมไม่มีทางได้สอบนายร้อยแน่นอนอยู่แล้ว 

ก็ขอเตือนทุกท่าน ให้ระมัดระวัง เรื่องอะไรก็ตาม ที่เราสามารถกระทำเพื่อป้องกันผลร้ายก่อนได้ เพียงแต่เราอาจไม่เห็นความสำคัญของมัน หรือว่าเพราะขี้เกียจ เช่น ปิดไฟฟ้า ปิดเตาแก๊ส ล็อกประตูรถ ล็อกประตูบ้าน ฯลฯ เรื่องที่เป็นเรื่องต้องป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นอย่างเนี่ย ทำได้ให้รีบทำก่อนเลย อย่ารีรอ อย่าปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้น บันดาลผลร้ายกับชีวิตเรา ชีวิตเราต้องเปลี่ยนไปเพียงเพราะ เรื่องแกร๊กเดียว เลยครับ อย่าเสี่ยงให้เกิดกรณีอย่างผมเด็ดขาด ผลของครั้งหน้า อาจไม่โชคดีอย่างผม ผมก็มาแนะนำเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจกัน เป็น คำคมเพื่อขีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน ดี ๆ ที่ผมอาจอยู่ในฐานะรุ่นพี่ หรือเพื่อน ที่สามารถเตือนสติทุกท่านจะได้เอาไปใช้ในการทำงาน การใช้ชีวิตภายหน้าต่อไป ถ้ามีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจ ก็จะมานำเสนอให้ทุกท่าน ได้รับชมรับฟังกันในโอกาสหน้าต่อไป ขอบคุณที่ให้ความสนใจ สวัสดีครับ 

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุเอ ที่ทำงานผมเป็นเกือบทุกคน แฟนผมไม่เป็น นี่มันอะไรกัน

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ใครที่เคยเป็นคงรู้พิษสงของมันดี อาการของคนเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ นี้ อาการเด่น ๆ ก็คือ ปวดเมื่อยหมดเรี่ยวหมดแรงมีอาการไอ มีไข้ แต่ไม่มีน้ำมูกไหล 

เมื่อประมาณเดือน ตุลาคม 2562 ผมอยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ก็งงเหมือนกัน ไม่ได้ไปไหน หรือทำอะไรที่น่าจะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้เลย ก็ไม่ได้คิดอะไร วันรุ่งขึ้น ด้วยความที่ไม่รู้ว่า ตัวเองไม่สบาย เข้าใจว่าปวดเมื่อยพักเดียวก็หาย ก็มาทำงานตามปกติ ปรากฏว่า ได้เรื่องเลยครับ ที่ทำงานผมมีเพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมอยู่ห้องเดียวกันอีก 2 คน ต้องติดไข้หวัดจากผมไปด้วย ที่รู้ก็เพราะ ได้ยินแต่ละคน ไอกันข็อกแข็กข็อกแข็ก ผมก็ว่า ได้เรื่องแล้ว แสดงว่า ไอ้อาการที่ผมปวดเมื่อยอยู่เนี่ย น่าจะเกิดจากผมเป็นไข้หวัด แล้วก็แพร่เชื้อไข้หวัดไปติดคนอื่น ๆ ด้วยแหงเลย

ตัวผมเนี่ย เวลาไม่สบาย ส่วนใหญ่จะปล่อยให้มันหายเองตามธรรมชาติ อย่างมากก็ซื้อหายามากิน คราวนี้ก็เหมือนกัน ก็คิดว่า จะปล่อยให้มันหายเองแต่ปรากฏว่า ดันทำให้เพื่อนร่วมงานติดไข้หวัดไปด้วยกันซะแล้ว เพื่อนร่วมงานคนนึงที่ติดไข้หวัดจากผม รู้สึกจะมีอาการมากหน่อย เลยไปหาหมอ ปรากฏว่า หมอตรวจเชื้อแล้ว พบว่า เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้วก็ให้ยามากิน พอเพื่อนร่วมงานผมบอกว่า เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ผมก็ไม่ต้องไปสืบหาเลยว่าผมเป็นอะไร ก็ต้องเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ เหมือนกันนั่นแหละ

แต่ก็มีเรื่องแปลกแต่จริงอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ผมสังเกตได้ในขณะที่ผมเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ นี่แหละ คือ แฟนผม ที่ใช้ชีวิตร่วมอยู่กับผมตลอดเวลา กินข้าวปลาอาหารด้วยกัน ดื่มน้ำด้วยกัน หลับนอนอยู่เตียงเดียวห้องเดียวกัน โดยที่ไม่ได้มีความระมัดระวังเกรงกลัวเลยว่า จะติด ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ จากผมไปด้วย ปรากฏว่า ตอนที่ผมมี อาการของคนเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ ทำไมแฟนผมถึงไม่เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ กับผมไปด้วย ผมหละงงจริง ๆ 

พอมาทบทวนตรวจสอบกันดู ผมกับเพื่อนร่วมงาน เพียงนั่งทำงานใกล้กัน ติดไข้หวัดจากผมงอมแงมเป็นกันเกือบทุกคน แล้วแฟนผมที่อยู่ใกล้ชิดกับผมทุกวัน กลับไม่เป็นอะไร เลยสืบสวนทวนความเพื่อจะได้รู้ว่า ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น 

นี่เลยครับ อาวุธลับที่ทำให้ แฟนผมไม่ติด ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ จากผม หลายท่านน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี สมุนไพร ฟ้าทลายโจร หรือ ต้นฟ้าทลายโจร ที่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณบ้านผม เป็นสมุนไพรชั้นยอดคุณภาพเหลือล้น ที่ขึ้นให้ผมกับคนในบ้านได้กินได้ใช้ฟรี ๆ มายาวนาน มาดู ต้นฟ้าทลายโจร ที่บ้านผมกันครับ
ต้นฟ้าทลายโจร มีเม็ดคล้ายต้อยติ่ง

มูลเหตุที่ทำให้แฟนผมไม่ติด ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ จากผมไปด้วย ก็ด้วยเหตุที่ แฟนผม จะกิน ฟ้าทลายโจร อยู่เป็นประจำ บ้านผมบังเอิญ มี ต้นฟ้าทลายโจร มาขึ้นเองอยู่มากมาย พอแฟนผมรู้สึกว่า ท่าทางไม่ค่อยดี อาจจะเป็นหวัด ไม่สบาย มีอาการไอค๊อกแค๊ก ๆ ก็จะไปเอา ใบ ฟ้าทลายโจร มากิน ก็จะเด็ดมาประมาณซัก 4 - 5 ใบ แฟนผมเค้าไม่กลัวขม พอใส่เข้าปากยังมีเคี๊ยว ๆ ให้แหลกแล้วค่อยกลืน ผมก็มาคิด ๆ ดู นั่นแหละ น่าจะเป็นสาเหตุที่แฟนผม ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับผมมาก แล้วไม่ได้ระวังอะไรเลย จึงไม่เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ไปกับผมด้วย ผมเลยสรุปเป็นเบื้องต้นสำหรับผมเลยว่า ต่อไปนี้ ถ้าบังเอิญเกิดอาการคล้ายเป็นไข้หวัด มีอาการไอ มีน้ำมูก หรืออะไรที่ส่อแววว่าเป็นไข้หวัด ผมจะเอาใบ ฟ้าทลายโจร มากินทันที ในส่วนของผมนั้น ผมจะกินไม่เหมือนกับแฟนผม ผมจะกลัวความขมของมัน ฟ้าทลายโจร นี่ขอบอกว่า มันขมมาก ขมติดปากติดคอเลยทีเดียว ผมจะใช้วิธีการ แตกต่างจากแฟนเล็กน้อย หลบเลี่ยงความขมได้หน่อย ก็คือ พอใส่ใบ ฟ้าทลายโจร 4 - 5 ใบ เข้าปากแล้ว ผมจะเคี๊ยวให้แหลกเพียงเล็กน้อย จากนั้นผมจะดื่มน้ำกลั้วกุ๊ก ๆ ช่วยกลืนลงคอเข้าไปเลย มันก็เหมือนกลืนทั้ง ๆ ที่มันยังมีสภาพเป็นใบอยู่นั่นแหละ มันอาจจะให้ผลทางสมุนไพร ไม่เต็มที่เท่ากับแบบที่แฟนผมทำคือ เคี๊ยวอย่างละเอียด แต่ผมสังเกตแล้ว ก็ต้องถือว่า ได้ผลในทางป้องกันรักษาไขหวัดได้เป็นอย่างดีทีเดียว ตั้งแต่นั้นมา ก็ต้องถือว่า ผมมีอาวุธลับชั้นดีเลิศไว้ต่อสู้กับ ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้ว (ผมไม่รู้ว่า ฟ้าทลายโจร จะมีฤทธิ์ในการป้องกันรักษา ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี หรือสายพันธุ์อื่น ๆ หรือไม่ เพราะที่เคยเป็นชัด ๆ ก็เป็นแค่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ นี่แหละ)

มาระยะหลัง ๆ หลังจากผมเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้ว พี่สาวผมก็เป็นไข้หวัด เสียงเสิงเปลี่ยนจมูกบี้หมด พอได้ยินผมบอกสรรพคุณ ฟ้าทลายโจร ชัด ๆ อย่างนี้ ก็ซื้อ ยาฟ้าทลายโจร แบบบรรจุแคปซูล มากินมาใช้ในการรักษาอาการไข้หวัด ไปด้วยเลย (การซื้อหา ยาฟ้าทลายโจร แบบบรรจุแคปซูล ขอให้เลือกจาก ผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะได้ ยาฟ้าทลายโจร ที่มันปลอมปน หรือไม่ใช่ของจริง มากิน มันจะไม่ได้ผลในทางป้องกันรักษา) การกิน ยาฟ้าทลายโจร บรรจุแคปซูล นี้ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องกลัวในเรื่องความขม แล้วก็ได้ผลในการป้องกันรักษาค่อนข้างดี เป็นไข้หวัดแป๊บเดียวก็หาย ก็ขอฝากความรู้อันนี้ไว้กับทุกท่าน ที่มีโอกาสผ่านเข้ามาอ่านบล็อก หรือดูวิดีโอของผมครับ เชื่อผมเถอะ คำโบราณที่ว่า "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม" ยังมีประโยชน์มหาศาลอยู่เสมอ ถึงขนาด ครั้งหนึ่ง ความรู้เรื่องเบรครถยนต์ร้อนแล้วเบรครถไม่อยู่ ที่ผมเคยได้ยินจดจำเอาไว้ ได้ช่วยชีวิตผมและคนในครอบครัวอีก 3 ชีวิต ไม่ให้ตก ดอยอินทนนท์ ตายได้เลยทีเดียว เรื่องนี้ มีโอกาสคราวหน้าผมจะมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ ความรู้ต่าง ๆ ที่คุณแบกอยู่นั้น ไม่ว่าจะ โดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คุณจะได้ใช้ความรู้นั้น ๆ เมื่อไหร่ แต่เชื่อผมเถอะ ความรู้ต่าง ๆ ในโลก มันไม่เปลืองเมมโมรี่สมองของเราเท่าไหร่หรอก แล้วความรู้เรื่อง ฟ้าทลายโจร หรือ ต้นฟ้าทลายโจร เนี่ย ผมรับรองว่า คุณ หรือคนใกล้ชิด ต้องได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน เชื่อหนมกินได้เลย

ก็ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ ทุกท่านก็ได้อาวุธลับพิเศษที่ผมนำเสนอให้ใช้ในการป้องกันรักษา ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ กันเป็นที่เรียบร้อย ถ้าผมมีอะไรดี ๆ น่าสนใจ จะได้นำสาระความรู้ มาฝากเป็นประโยชน์กับทุกท่านในโอกาสหน้าต่อไป สวัสดีครับ

ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุเอ ที่ทำงานผมติดกันเกือบทุกคน แต่แฟนผมกลับไม่เป็นอะไร

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563

วิธีป้องกันหนูเข้ารถ ง่าย ๆ แต่ได้ใจความ รับรองว่า คุณจะต้องพอใจ

วิธีป้องกันหนูเข้ารถ วิธีการนี้ เป็นวิธีการที่ผมค้นพบโดยบังเอิญ เป็นวิธีการที่ง่าย ๆ แต่ได้ใจความ ประหยัด ใช้เงินน้อย ได้ผลจริง หนูจะไม่เข้ารถ ผมรับรองว่า คุณต้องพอใจอย่างแน่นอน 

โปรดติดตามชม วิดีโอ วิธีป้องกันหนูเข้ารถ ด้วยวิธีการง่าย ๆ ประหยัด และ ได้ผลจริง ที่ด้านล่างนี้เลยครับ



ต้องการทราบข้อมูลใด ๆ เพิ่มเติม มีความคิดเห็น หรือต้องการติดต่อสอบถามเรื่องใด ๆ ติดต่อผมได้ตามช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ที่ให้ไว้ด้านล่างนี้เลยครับ หวังว่า จะได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมกันในโอกาสหน้าต่อไปครับ

ติดตามชม วิดีโอ เรื่องต่าง ๆ ที่น่าสนใจได้ที่ช่อง : http://bit.ly/2pFoncR

ดู บทความ น่าสนใจอื่น ๆ ได้ที่ ลิ้งค์ : https://yooyangyingyai.blogspot.com/
เว็บสินค้าเพื่อสุขภาพ : http://www.healthdejin.com/
เว็บสินค้าศิลปหัตถกรรม : http://www.sawadeecraft.com/
เพจ ยาปลูกผม นครหลวงการแพทย์ : https://www.facebook.com/nakhonluangkharnpad/
เพจสินค้าเพื่อสุขภาพ : https://www.facebook.com/healthdejin/
เพจสินค้าศิลปหัตถกรรม : https://www.facebook.com/sawadeecraftpom/
อีเมล์ : worrakarnb@gmail.com
ไลน์ ไอดี : 0909628167
โทร : 085 - 1625977

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2563

วิธีป้องกันหนูเข้ารถ โดยวิธีการที่ง่าย ประหยัด และ ได้ผลจริง

วิธีป้องกันหนูเข้ารถ วิธีการนี้ เป็นวิธีการที่ผมค้นพบโดยบังเอิญ เป็นวิธีการที่ง่าย ใคร ๆ ก็ทำได้ ประหยัด ใช้เงินน้อย ได้ผลจริง หนูจะไม่เข้ารถ ผมรับรองว่า คุณต้องพอใจแน่นอน



โปรดติดตามชม วิดีโอ วิธีป้องกันหนูเข้ารถ ด้วยวิธีการง่าย ๆ ประหยัด และ ได้ผลจริง ที่ด้านล่างนี้เลยครับ





ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม มีความเห็น ต้องการติดต่อสอบถาม ติดต่อผมได้ตามช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ที่ให้ไว้ด้านล่างนี้เลยครับ หวังว่า จะได้แวะเวียนมาเยี่ยมชมกันอีกในโอกาสหน้าครับ

ติดตามชม วิดีโอ เรื่องต่าง ๆ ที่น่าสนใจได้ที่ช่อง : http://bit.ly/2pFoncR

ดู บทความ น่าสนใจอื่น ๆ ได้ที่ ลิ้งค์ : https://yooyangyingyai.blogspot.com/
เว็บสินค้าเพื่อสุขภาพ : http://www.healthdejin.com/
เว็บสินค้าศิลปหัตถกรรม : http://www.sawadeecraft.com/
เพจ ยาปลูกผม นครหลวงการแพทย์ : https://www.facebook.com/nakhonluangkharnpad/
เพจสินค้าเพื่อสุขภาพ : https://www.facebook.com/healthdejin/
เพจสินค้าศิลปหัตถกรรม : https://www.facebook.com/sawadeecraftpom/
อีเมล์ : worrakarnb@gmail.com
ไลน์ ไอดี : 0909628167
โทร : 085 - 1625977


สวัสดีครับ ผมสารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น มีโอกาสมานำเสนอเรื่องดี ๆ มีประโยชน์ สามารถนำสาระที่ได้ ไปใช้ประโยชน์ต่อตัวท่าน หรือจะนำไปเผยแพร่ให้คนรู้จัก เพื่อนฝูง ได้ใช้ประโยชน์ด้วย ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก ถือว่า เราได้ช่วยเหลือเพื่อนฝูง คนรู้จักไปด้วยกัน

วันนี้ผมมานำเสนอ เรื่อง การป้องกันหนูเข้ารถ โดย วิธีการป้องกันหนูเข้ารถ ของผมนั้น เป็นวิธีการที่ง่ายมาก ใช้เงินลงทุน ในการแก้ปัญหาเพียงเล็กน้อย ใช้เวลาก็ไม่มาก แต่ได้ผลใน การป้องกันหนูไม่ให้เข้ารถ ได้ผลดีจริง ๆ


ก่อนอื่น ผมต้องขอท้าวความก่อนว่า หนูเป็นสัตว์วงจรชีวิตสั้น แพร่พันธ์ได้รวดเร็วมาก เป็นสัตว์ตัวเล็ก ที่อยู่คู่กับมนุษย์มาอย่างยาวนาน แล้วหนูก็มีวิธีการหาที่อยู่อาศัย หาอาหาร อย่างแสนจะง่ายมาก มันก็จะอยู่มั่ว ๆ ไปกับคนนี่แหละครับ 


หนูน้อยผู้น่ารัก แต่ถ้ามันเข้ารถ มันจะไม่น่ารัก

คนมีบ้านออกเบ้อเร่อ ซอกเล็กซอกน้อยมีเยอะแยะ หนูก็มาขอแบ่ง ๆ อาศัยอยู่กับเรา ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าแต่ประการใด แล้วแถมพอคนเรามีการเตรียมการทำอาหาร กินอาหาร วันนึงตั้งหลายมื้อ มันก็จะถือเป็นโอกาสอันดี ร่วมด้วยช่วยเสวนากับเรา พอมีอาหารเหลือ คนเก็บกวาด เทอาหารทิ้ง ไม่ว่าจะทิ้งลงถังขยะ หรือ ทิ้งข้างบ้าน หนูมันไม่รู้สึกรังเกียจเลยว่า เป็นของเหลือของทิ้ง มันเก็บกินได้ทั้งนั้น แล้วผมก็ไม่เห็นว่า มันจะเกิดเป็นโรคเป็นภัย เกิดท้องร่วงท้องเสียแต่อย่างใด เห็นวิ่งกันออกปร๋อ ๆ  ปีนขึ้นต้นไม้ หลังคาบ้าน ฝ้าเพดานห้องนอนผมนี่ วิ่งกันตะลึงตึง ๆ ตะลึงตึง ๆ อย่างสนุกสนาน บ้านผมเนี่ย เป็นที่อยู่อาศัย แพร่เผ่าพงษ์พันธุ์ ของพวกมันเป็นอย่างดี รอบบ้านมีแต่ ดงหญ้า ต้นไม้ใหญ่น้อย เศษไม้เศษปูน ภาชนะของเหลือใช้ โอ่ง ถัง กะละมัง ปี๊บ รก ๆ เกะกะเต็มไปหมด สถานที่เหล่านี้ เป็นที่ซ่อนตัวอย่างดีของพวกมันเลย 


ไม่เพียงเท่านั้นครับ รอบ ๆ บริเวณบ้านใกล้เรือนเคียงผม ก็มีสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน เป็นลักษณะคล้าย ๆ แบบนั้นกันหมด ก็บ้านผมมันอยู่บ้านนอกนี่ครับ รอบบริเวณบ้านส่วนใหญ่แถวนี้ มันก็ต้องมีต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นรกเต็มไปหมด เชื่อผมมั้ยว่า เวลาหน้าฝนหนะ คุณตัดไม่ชนะมันหรอก ฝนตกหน่อยเดียว มันแตกดอกออกช่อจ้าละหวั่น ขอให้จำไว้เสมอเลยว่า ต้นไม้ที่เราตั้งใจปลูก กว่ามันจะแตกดอกออกผล มันจะเป็นไปอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป แต่ถ้าต้นไม้ที่เราไม่ตั้งใจปลูก อย่างต้นกระถิน ต้นหญ้า วัชพืชต่าง ๆ มันจะงอกงาม ทะลุทะลวงรวดเร็ว ไม่อาจหยุดยั้งได้เลยทีเดียวเชียว 



นี่พอฟังผมพูดถึง สภาพแวดล้อมบ้านผมแล้ว ลองจินตนาการเล่น ๆ ดูเป็นไงครับ สถานที่ซ่อนตัวพร้อม อาหารพร้อม แล้วหนูมันจะไม่ทวีเพิ่มจำนวน ชวนพวกมารุมถล่มโจมตีเรา มันก็แปลกหละครับ


นอกจากสภาพแวดล้อมของบ้านผม เป็นตัวทำให้ปริมาณหนูเพิ่มมากขึ้นแล้ว ปัจจัยต่าง ๆ ที่จะเล่าเพิ่มเติมเหล่านี้อีก ก็เป็นตัวเสริมสำคัญพอดูด้วย คือ แต่เดิมเนี่ย จำนวนหนูบ้านผม ถึงมันจะมีบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีมากซักเท่าไหร่ ไม่ได้วิ่งขวักไขว่ สวนสนามมากมายกันแบบเดี๋ยวนี้ ก็เพราะจะมีแมวข้างบ้าน ถือโอกาสแวะเวียน มาหาหนูรับประทานที่บ้านผมเป็นประจำ ผมจะเห็นมันหมอบตรงนั้นมั่ง ตรงนี้มั่ง ผมก็รู้แล้วว่า มารอดักหนูอยู่ จำนวนหนู มันเลยไม่พุ่งปรี๊ดมากมาย พอมองเห็นอยู่บ้าง ไม่รำคาญหูรำคาญตามากมาย 


คอฟฟี่ผู้ปราบแมว



แล้วเรื่องมันมาเกิดตรงที่ มีวันนึง บังเอิญผมกับแฟนเจอลูกหมาตัวนึง เป็นหมาไทยตัวผู้ สีเหลืองสวย หน่วยก้านสูงยาวเข่าดี มาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวหน้าบ้าน ผมยังงงว่า อ้าว หมาตัวผู้หน่วยก้านดีอย่างนี้มันมาจากไหนกันเนี่ย นี่ถ้าใครเห็นหละก็ โดนอุ้มแน่ ๆ ก็เลยถือโอกาส อุ้มเข้ามาเลี้ยงในบ้าน แฟนผมตั้งชื่อให้ดิบดีว่า คอฟฟี่ หมาไทยก็รู้อยู่แล้วครับว่า โตเร็ว เลี้ยงพักเดียว ก็โตมาเป็นหมาตัวใหญ่บะเริ่มเทิ่ม 


เจ้าคอฟฟี่เนี่ย มันโตมาโดยบ้านผมมีกำแพงรั้วล้อมรอบบ้าน มันจะหวงบริเวณบ้านมาก สัตว์อะไรก็ตาม หรือแม้กระทั่งหมาด้วยกัน ถ้ามาแหยมเดินเตร่แถวบริเวณข้างบ้านผมเมื่อไหร่ มันวิ่งไล่เห่า สกัดไปรอบบ้าน ทำท่าอยากออกไปซัดกับเค้า วุ่นวายไปหมด แต่มันก็ออกไปไม่ได้หรอก ก็มันมีรั้วกั้นอยู่นี่ครับ การที่มันตัวใหญ่ และ มีนิสัยหวงถิ่นมากนี่แหละ แมวซึ่งแต่เดิม เคยแวะเวียนเข้ามาหาหนูรับประทาน มันก็จะไม่รู้ว่า เจ้าคอฟฟี่ มันคอยจ้องตะครุบพวกมันอยู่ พอแมวหาจังหวะเข้ามา รอจับหนูรับประทาน เจ้าคอฟฟี่ เห็นเมื่อไหร่ มันจะจู่โจมเข้างับในทันที ถ้าแมวตัวไหนระมัดระวังตัว ก็รอดไป ตัวไหนไม่รู้เท่าทันเจ้าคอฟฟี่ มันงับโครม สะบัดไม่กี่ที ม่องเท่งเลยครับ สถานการณ์ของแมวเปลี่ยนไป ไม่สามารถเข้ามารอจับหนูกินได้อย่างสบาย ๆ เหมือนเดิมซะแล้ว เจ้าคอฟฟี่ มันไม่ชอบ และไม่ต้อนรับแมวทุกตัวในโลกนี้ ไม่รู้มันไปโกรธเกลียดเคียดแค้นอะไรแมวกันนักกันหนา ลองแหยมเข้ามาบ้านผม ถ้าหนีไม่ทัน มันกัดม่องเท่งหมด ผมกับแฟน ต้องคอยช่วยแมวบางตัว ที่ถูกเจ้าคอฟฟี่ไล่งับ หนีขึ้นต้นไม้ทัน ยังไม่ทันโดนกัดมาหลายตัวแล้ว นี่แหละ พอแมวซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของหนู มีอันทำงานตามหน้าที่ไม่ได้ หนูมันก็ต้องร่าเริงเป็นธรรมดา เพราะ แมวไม่อยู่ หนูมันก็ต้องร่าเริง ใช่มั้ยครับ


ข้าวสารสีน้ำเงินเหรอ ชอบมั่ก ชอบมั่ก

ยาเบื่อหนู หรือ ยาฆ่าหนู ที่มีขายกันอยู่ตามท้องตลาด ก็ไม่ใช่ว่า หนูทุกที่ทุกตัว มันจะชอบกินเหมือนกันหมดนะครับ ยาเบื่อหนูบางยี่ห้อ หนูบ้านอื่นกิน หนูบ้านผมไม่กิน ผมเจอมากับตัวเองจัง ๆ เลย ผมคิดว่า หลายบ้านหลายคน ก็ต้องเป็นอย่างผมนี่แหละ บ้านแม่ผมอยู่ อ.เมือง จ.นครปฐม ใช้ยาเบื่อหนูของไบเออร์ ที่เป็นเม็ดรี ๆ สีสันสดใส วางให้พวกมันกิน หนูมันกินแล้วก็ตาย ผมเห็นได้ผลดี ก็ลองเอามาใช้ที่บ้านผมอยู่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มั่ง ปรากฏว่า ไม่มีหนูกินแม้แต่เม็ดเดียว อ้าว งงมั้ย ผมต้องลองซื้อยาเบื่อหนูแบบอื่น มาลองอีกหลายขนาน กว่าจะมาเจอเอายาเบื่อหนูของ ราคูมิน ที่ทำเป็น ข้าวสารสีน้ำเงิน อันนี้หนูกินดี ผมก็จะวางไว้ห่าง ๆ กัน ซัก 2 จุด มันก็จะกิน แล้วก็ตายไปบ้าง จำนวนหนูมันก็ไม่ทวีเพิ่มมาก พอเห็นตัว แต่ไม่วิ่งกันขวักไขว่ซักเท่าไหร่ แต่คุณเชื่อมั้ยว่า ขณะที่หนูมันกินยาเบื่อหนู ข้าวสารสีน้ำเงินของมันอยู่ดี ๆ วันดีคืนดี บทมันเลิกกิน มันก็เลิกกินของมันดื้อ ๆ ก่อนที่มันจะเลิกกิน ยาเบื่อหนูมันก็หายไปนะ ผมก็เข้าใจว่ามันยังกินอยู่ แต่น้อย แต่อภิโธ่อภิถัง หนูมันไม่ได้กินหรอก 


นี่เลย นกกระจอก ผู้แย่งยาเบื่อหนูกิน


ผมเห็นกับตาว่า พวกนกกระจอก มันเข้ามาเกาะกิน เป็นสาเหตุที่ ข้าวสารสีน้ำเงินหมดทุกวัน แต่ที่มันแปลกอยู่อย่าง คือ นกกระจอกมันกินยาเบื่อหนูแล้วมันไม่ตาย ผมไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว มันกินแล้วมันตายมั้ย แต่ผมนับตัวนกกระจอก ที่บินมาที่หน้าบ้านผมมากินแมลง เม็ดหญ้า ผมนับได้ประมาณ 10 ตัว มันก็อยู่ของมันเท่าเดิม ผมเห็นพวกมัน กินข้าวสารสีน้ำเงินไปตั้งเยอะแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นว่า มันจะตาย หรือ ลดจำนวนไปเลย อย่างนี้ก็ต้องแสดงว่า พวกมันกินแล้วไม่ตายนั่นเอง แปลกมั้ย พอวิธีนี้ใช้ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนอีกแล้ว



เรื่องยาเบื่อหนูนี่ ไม่ใช่เฉพาะยาเบื่อหนู ข้าวสารสีน้ำเงิน อย่างเดียวนะ ผมไปซื้อยาเบื่อหนู จากร้านที่เค้าขายอาหารสัตว์โดยเฉพาะ เค้าจะขายอาหารให้กับพวกเลี้ยงปศุสัตว์ เค้าจะมียาเบื่อหนูขาย ลองเอามาใช้แทนข้าวสารสีน้ำเงิน ผลมันก็จะออกมาเหมือนกันเด๊ะเลย คือ แรก ๆ มันจะกินช่วงนึง แล้วพอถึงวันนึง มันก็จะเลิกกินไปดื้อ ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ใครไปบอกให้มันเลิกกินก็ไม่รู้ พอมันเลิกกิน เราก็ไม่รู้ จะใช้วิธีการไหนในการควบคุมจำนวนพวกมัน ไม่ให้ทวีมาก มาทำลายข้าวของเรา 



แล้วปัญหาของการใช้ยาเบื่อหนูมันก็มี คือ เวลาหนูกินแล้วตาย ซากหนูมันมักจะไปซุกตัว อยู่ในซอกในหลืบ ที่หายาก แล้วส่งกลิ่นเหม็นมาก เราต้องคอยหาแล้วเอาไปทิ้ง มันก็เป็นจุดอ่อนของวิธีการนี้ ที่เราก็ต้องคิดมากอยู่เหมือนกัน เมื่อวิธีการนี้ไม่ได้ผล จำนวนหนูมันเพิ่มมาก โดยที่เราไม่สามารถควบคุมจำนวนมันได้ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ทุกวันนี้ก็ต้องใช้กรงดักเอา ทำมันเท่าที่ทำได้หละครับ 



กรงดักหนู วิธีการที่แสนคลาสสิค

พอหนูมันทวีจำนวนมากขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ไม่แปลกเลยที่ เราจะต้องถูกมันรบกวน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น การมาแย่งอาหารของเรากิน แย่งอาหารของสัตว์เลี้ยงกิน หรือ มาก่อเสียงวิ่งตะลึงตึง ๆ ตะลึงตึง ๆ บนฝ้าเพดาน ทำความสกปรกให้กับบ้านเรือนของเรา แล้วก็นำมาสู่ ปัญหาสำคัญ ที่มันเข้าไปกัดทำลายสายไฟ ในรถยนต์ของเรา สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้า ต้องเสียเงินเสียเวลาในการซ่อมแซมอย่างมากมาย อันเป็นมูลเหตุที่เราต้องมาพูดถึงกันในวันนี้ คือ การป้องกันไม่ให้หนูเข้ารถ ไม่ให้มันเข้ามา กัดทำลายสายไฟ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถเรา 


ถามดะ ถามหมด ไทย จีน ฝรั่ง แขก

วิธีป้องกันหนูเข้ารถ ของผมนี่ เป็นวิธีที่ผมได้รับคำแนะนำ จากการ ถามดะ ไปหมด คุณรู้มั้ยครับว่า การถามดะ มันเป็นยังไง ก็ด้วยความที่ผม ถูกหนูมันรุกรานมากเข้า ตอนมันกัดสายไฟ ต้องเรียกช่างมาต่อสายไฟเนี่ย มันน่ารำคาญมาก นอกจากต้องเสียกะตังค์แล้ว ก็ยังต้องเสียเวลาด้วย ก็น่ารำคาญพอดู เวลาอยากแก้ปัญหา ก็ต้องมีความพยายามกันมั่ง หาข้อมูลกัน ทางนั้นบ้างทางนี้บ้าง ทางที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้ ทุกคนคงรู้นะครับว่า คงหนีไม้พ้นต้องพึ่ง อากู๋ หรือ เฮียเฟซ แต่ปรากฏว่า ปัญหานี้ อากู๋ กับเฮียเฟซ เคลียร์ไม่ได้ ผมค้นหาดู สารพัดวิธีการป้องกันหนูเข้ารถแต่ละวิธี ดูจากเว็บนั้น ดูจากข้อความนี้ ลองทำมันดะไปหมด ไม่ยักกะได้ผลเลยแฮะ ปัญหามันก็ไม่จบนะสิ ทีนี้ ผมเนี่ยเป็นคนที่ชอบถามคนอื่นอยู่เรื่อย ถ้าผมยังมีปัญหา คั่งค้างคาใจอะไรอยู่ ผมจะถามดะไปหมด แต่ก็ไม่ใช่จะถามมั่วซั่ว เจอใครก็ถามไปหมดนะครับ มันก็ต้องเลือกคนที่เราจะถามมั่งเหมือนกัน ไปถามคนที่ไม่มีท่าทีว่าจะรู้เรื่อง มันจะไปได้เรื่องได้ราวอะไรใช่มั้ยครับ ผมถือว่า ทางอยู่กับปาก (วิธีการนี้ดีมาก ผมขอแนะนำเลย มันได้ประโยชน์มาก ๆ ผมเคยได้คำตอบ ได้ข้อสรุปดี ๆ สำหรับใช้ในการแก้ปัญหา หลายครั้งหลายคราว ก็ด้วยวิธีการบ้าน ๆ ดุ่ย ๆ อย่างนี้แหละครับ) และแล้ววันนึง โชคก็เข้าข้างผม เป็นการค้นพบแนวทางการแก้ปัญหา โดยบังเอิญที่สุด แล้วเมื่อเอามาใช้ ก็ได้ผลดีจริง ๆ ซะด้วย เป็นไงครับ เราลงทุนเพียงแค่ ถามคำถามของเราไปยังคนที่เราคาดว่า น่าจะรู้เรื่องที่เราถามแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถ้าเราเจอคนรู้จริงเรื่องนั้นเมื่อไหร่ ฟลุ๊คเลย ถูกมั้ยครับ


มีวันนึง ผมเอารถไปทำไฟ ไฟหน้า หรือ ไฟเลี้ยวไม่รู้มันดับ จำไม่ได้ ก็เอาไปร้านซ่อมไฟรถยนต์ พอเอารถยนต์เข้าร้าน เฮียเจ้าของร้านก็ออกมาถามว่า รถเป็นไร เราก็บอกอาการ แล้วเฮียเค้าก็รับซ่อมให้ ทีนี้เรากับเฮียเค้า ค่อนข้างสนิทกัน ผมเอารถทุกคันมาซ่อมไฟกับแกทุกคันแหละ ผมเห็นว่า คนซ่อมรถเนี่ย ต้องมีโอกาสเจอคนใช้รถมาก น่าจะมีโอกาสพูดคุยถึง การแก้ปัญหาหนูเข้ารถ มามั่งแหละน่า เลยถือโอกาสถามเฮียแกไป ฟลุ๊คเลย เฮียเค้าก็พูดอย่างไม่ใช่ยืนยันนั่งยันว่า ใช้ได้ผลแน่นอนนะ แกก็ไม่ได้เจอ ปัญหาหนูเข้ารถ เหมือนผม ก็เลยไม่เคยได้ใช้วิธีการดังกล่าว แกพูดว่า "อ๋อ จะ ป้องกันหนูเข้ารถ หรอครับ ลองเอา น้ำมันโซแนค ฉีดให้ทั่ว ๆ ห้องเครื่องดูสิ นอกจากทางนึง จะเป็นการทำความสะอาดเครื่องแล้ว ก็อาจจะได้ผลในการไล่หนูได้จริง ๆ อีกด้วย" ผมก็ลองทำตามวิธีที่เฮียเค้าแนะนำดู ได้ผลเลยครับ เป็น วิธีป้องกันหนูเข้ารถ ที่ง่าย ประหยัด และได้ผลดีจริง     

รถยนต์ผม 3 คัน โดนหนูบุกรุก คงต้องไปแจ้งความซักวัน

ผมมีรถใช้อยู่ 3 คัน นี่ผมไม่ได้อวดร่ำอวดรวยอะไรหรอกนะครับ รถก็เก่า ๆ ทั้งนั้น เป็นรถลูกสาวมั่ง รถตัวเองมั่ง ก็สลับใช้ไป ไม่ให้รถอยู่นิ่ง จอดนานมันอาจจะเสียหายได้ การที่ผมมีรถอยู่ 3 คันอย่างนี้ แล้วผมสลับใช้แบบนี้ ผมก็สามารถใช้ได้เพียงวันละคัน อีก 2 คันก็ต้องจอดนิ่ง พอรถมีการจอดนิ่ง 2 คันแบบนี้ ตามที่ผมเคยบอกว่า บ้านผมหนูมันเยอะ วิ่งกันขวักไขว่ มันก็จะเป็นปัญหาแย่งกันหาที่อยู่ ที่อยู่ที่เงียบสงบ ทำให้มันอยู่ได้อย่างสบายใจ ก็คือ ภายในรถนี่แหละ แล้วยังมีสายไฟ ให้ลับเขี้ยวเล่นอีก ก็สนุกมันสิครับ วันดีคืนดี มันก็จะเข้ามาอยู่ในรถผม ผมจะเห็นร่องรอยของมันได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่มันทิ้งไว้ที่เครื่อง เห็นรอยอาหารของมัน ที่มันทิ้งไว้ที่เครื่องรถ หนูตัวที่มันไม่กัดทำลายของ มันก็จะเข้ามาอยู่เฉย ๆ แล้วก็ไป มีเพียงหนูบางตัวเท่านั้น ที่เข้ามาแล้วจะต้องทำลาย กัดสายไฟของเราเล่น พอสายไฟถูกมันกัดขาด ก็ไม่ต้องสงสัย ต้องเรียกช่างไฟมาต่อแน่นอน สร้างความเดือดร้อนรำคาญกับเรามากพอสมควร   


น้ำมันโซแนค กับ ดับบลิว ดี 40 ผู้ช่วยไล่หนูได้อย่างชะงัด

นี่เลยครับ น้ำมันโซแนค กับ น้ำมัน ดับบลิว ดี 40 เป็นอุปกรณ์ หรือ เครื่องมือที่ผมใช้ ป้องกันหนูเข้ารถ ตรงนี้ขอบอกก่อนเลยว่า ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในการโฆษณา ให้กับน้ำมัน 2 ยี่ห้อนี้เลยนะครับ แต่ผมทดลองใช้แล้ว มันได้ผลในทาง ป้องกันไม่ให้หนูเข้ารถ ได้ดีจริง ก็ต้องเอามาแนะนำกันแหละครับ ในการนี้ ต้องขออำภัยอย่างสูง กับใครก็ตามที่ ขายน้ำยาไล่หนู ไม่ให้เข้ารถ ผมไม่ได้ต้องการเป็นคู่แข่ง ไม่ต้องการทำให้คุณขาดรายได้ ผมเพียงอยากช่วย ให้คนที่เจอปัญหาอย่างเดียวกับผม เป็นคนหัวอกเดียวกัน สามารถแก้ปัญหา ที่น่ารำคาญใจได้เท่านั้นเอง

ตอนแรกเริ่มเลย ตั้งแต่ได้รับคำแนะนำจาก ช่างทำไฟรถ ผมก็ใช้ น้ำมันโซแนค มาตลอด ปรากฏว่า เวลา น้ำมันโซแนค หมด ผมไปหาซื้อจากร้านขายอะไหล่รถยนต์ ปรากฏว่า ร้านค้าเค้าบอก ตอนนี้เค้าไม่ขาย น้ำมันโซแนค แล้ว มีแต่ น้ำมัน ดับบลิว ดี 40 จะเอามั้ย ตอนแรกว่าจะไม่เอา เพราะไม่เคยใช้ แต่เจ้าหน้าที่ร้านเค้าก็ยืนยันว่า น้ำมันดับบลิว ดี 40 เนี่ย มันจะยึดติดกับสิ่งที่มันฉีดไปถูก ได้ดีกว่า ผมก็คิดว่า เออ น้ำมันโซแนค ก็กำลังจะหมด เอาน้ำมันดับบลิว ดี 40 ไว้เผื่อแก้ขัด ก็น่าจะดีกว่า ปรากฏว่า เค้าดันเอาขวดเล็กมาให้ใช้อีก ว่าจะไปเปลี่ยนเป็นขวดใหญ่ก็ขี้เกียจ ก็เลยเอาไว้ลองใช้ดู 


พอมี น้ำมันโซแนค กับ น้ำมันดับบลิว ดี 40 2 อย่าง ก็เลยลองใช้สลับกันไป นับว่าได้ผลดีมาก ผมขอบอกเลยว่า น้ำมันพวกนี้ มีหลายสูตรหลายขนาด ผมว่าไม่ต้องคำนึงเรื่องสูตรหรอก เพราะเราต้องการมาฉีด ให้มันติดห้องเครื่องเราเท่านั้น เราไม่ได้ต้องการสรรพคุณอะไรมากมาย ผมขอแนะนำว่า ให้เลือกแบบที่ขวดใหญ่ไว้ก่อน จะดีกว่า เพราะขวดใหญ่ จะราคาถูกกว่ากันเยอะ ผมเคยซื้อ น้ำมันโซแนค คล้าย ๆ ขนาด 200 ml กับ ขนาด 400 ml น้ำมันโซแนค 2 ไซส์เนี่ย มีปริมาณต่างกัน 2 เท่า แต่ราคาต่างกันแค่นิดหน่อย ดังนั้น ซื้อขวดใหญ่เถอะครับ มันจะถูกกว่า แล้วก็ใช้คุ้มกว่ากันมากครับ



ฉีด น้ำมันโซแนค ให้ทั่วห้องเครื่องรถยนต์
คุณดูนะครับ เครื่องรถของเราเนี่ย มันจะมีด้านบนของเครื่องอยู่ เช่น บริเวณฝาเครื่อง บนแบตเตอรี่ บนกรองอากาศ ส่วนที่เป็นส่วนบน ๆ นี่แหละ เวลาหนูมันเอาอาหารมาหลบกิน มันจะกินบริเวณบน ๆ แบบที่ผมบอกนี่แหละ ดังนั้น การที่เราเอา น้ำมันโซแนค มาฉีด เราก็ต้องฉีดลงไปบริเวณด้านบน ๆ ของเครื่อง หรือ บริเวณเฉพาะที่เราไม่ต้องการให้หนูเข้าไปยุ่มย่าม เช่น บริเวณที่เป็นสายไฟ เราก็ฉีดน้ำมันพวกนี้คลุมเอาไว้ ผมก็จะใช้วิธีการนี้แหละครับ





การทำตามวิธีการผมนี้ ผมขอบอกเลยว่า ช่วงที่ผมฉีด น้ำมันโซแนค เนี่ย แรก ๆ จะไม่มีหนูเข้ารถเลย แต่ด้วยจำนวนหนูบ้านผมมันเยอะ ปริมาณพวกมันที่มาก มันก็ต้องแก่งแย่งกันหาที่อยู่ รถยนต์นี่แหละ ก็คือที่อยู่ชั้นดีที่มันต้องแย่งกันเช่นกัน ขนาดผมฉีดน้ำมันทุกวัน ก่อนที่จะเก็บรถแล้ว มันก็อาจเข้ามาแวะเวียนในรถของเราได้อยู่ดี แต่ผมขอบอกความแปลกที่ผมพบเจออยู่อย่างหนึ่ง ไม่รู้ว่า เพราะหนูมันแพ้ หรือ รังเกียจ น้ำมันโซแนค หรือ น้ำมัน ดับบลิว ดี 40 หรือยังไงก็ไม่รู้ แม้มันจะแวะเวียนเข้ารถให้เรารู้นะ แต่มันจะไม่ทำลาย หรือกัดสายไฟ ผมขอบอกเลยว่า ตั้งแต่ผมใช้น้ำมัน 2 อย่างนี้สลับกันตลอดมา ผมใช้มานานพอสมควรแล้ว หนูมันไม่เคยกัดสายไฟอีกเลย 



ครับ ก็ได้ยินได้ฟัง สิ่งที่เป็นสาระดี มีประโยชน์กันไปถ้วนทั่ว ค้นพบ วิธีป้องกันหนูเข้ารถ ค้นพบ วิธีป้องกันหนูเข้าห้องเครื่องรถยนต์ กันไปแล้วพอหอมปากหอมคอ ก็ขอให้ทุกท่านได้นำสิ่งที่ได้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และ หากเป็นไปได้ ขอให้ช่วยกันเผยแพร่เรื่องราวดี ๆ อย่างนี้ ให้กับเพื่อนพ้องน้องพี่ คนรู้จัก เผื่อเค้ามีปัญหาแบบนี้ เค้าจะได้พบทางแก้ปัญหาดี ๆ ไม่ต้องเกิดปัญหาน่ารำคาญจากหนูอีกต่อไป หากผมมีเรื่องราวดี ๆ มีประโยชน์ ก็จะหาโอกาส มานำเสนอให้กับทุกท่าน ได้รับชมรับฟังกันอีก ขอบคุณทุกท่าน ที่ให้ความสนใจ สวัสดีครับ