วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

ในวันที่ต้องอยู่กับ โควิด 19 เมื่อไล่เค้าไปไม่ได้ ก็ต้องคิดวิธีอยู่ด้วยแล้ว

ในวันที่ต้องอยู่กับ โควิด 19 เป็นชะตากรรมของมนุษย์ ถูกบังคับให้ต้องจำกัดอิสรภาพของตัวเอง ระดมพลังต่อสู้ ในเมื่อยังไล่ หรือ ปราบเค้าลงไม่ได้ การคิดวิธีการอยู่ด้วยจึงเป็นสิ่งต้องทำ


ในวันที่ต้องอยู่กับ โควิด 19

เชิญชม ในวันที่ต้องอยู่กับ โควิด 19 เมื่อขับไล่เค้าไปไม่ได้ ก็ต้องคิดวิธีอยู่ด้วยแล้ว ได้ในรูปแบบวิดีโอเลยครับ


ช่องทางการติดต่อ
สามารถติดต่อ สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น ได้ที่ :
ดู วิดีโอ น่าสนใจอื่น ๆ : http://bit.ly/2pFoncR
ดู บทความ คำคม ข้อคิด ดีๆ หลักการดำเนินชีวิต สำหรับ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ได้ที่ : https://yooyangyingyai.blogspot.com/
เว็บสินค้าหัตถกรรม ของตกแต่งบ้าน : http://www.sawadeecraft.com/
เว็บสินค้าเพื่อสุขภาพ : http://www.healthdejin.com/
เพจ ยาปลูกผม นครหลวงการแพทย์ : https://www.facebook.com/nakhonluangkharnpad/
เพจสินค้าเพื่อสุขภาพ : https://www.facebook.com/healthdejin/ เพจสินค้าศิลปหัตถกรรม : https://www.facebook.com/sawadeecraftpom/
อีเมล์ : worrakarnb@gmail.com
ไลน์ ไอดี : 0909628167
โทร : 085 - 1625977

เกริ่นนำ
แรกเริ่มจาก เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย จุดเล็ก ๆ ที่มีกำเนิดการติดเชื้อ ไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด 19 หลังจากนั้น เป็นที่รู้กันว่า โควิด 19 เดินทางไปเยี่ยมเยียนคนจนทั่วโลกแล้ว สถานการณ์ โควิด 19 ทั่วโลก จนถึงทุกวันนี้ ที่ระยะเวลาผ่านมาก็หลายเดือน ยังไม่เปลี่ยนไป ความรุนแรงของการแพร่ระบาดไม่ลดทอนกำลังลง แม้ประเทศมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ก้าวหน้าทั้งทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเกือบทุก ๆ ด้านกว่าประเทศเล็กประเทศน้อย ก็ยังต้องเผชิญอำนาจการคุกคามรุนแรงของ โควิด 19 มีผู้ติดเชื้อสะสม เสียชีวิต และติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน สถานการณ์อย่างนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นักการแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย ฯลฯ ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่อง การคิดค้นวัคซีน หรือยารักษาโรค ล้วนอยากจะกำราบ เจ้า โควิด 19 ผู้ก้าวร้าวลงให้ได้


สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น คือบุคคลที่ร่วมเผชิญ โควิด 19 พร้อมกับทุกคนบนโลก ระมัดระวังตัวแจไม่อยากติดเชื้อ โควิด 19 ที่มีอำนาจทำลายล้างรุนแรง และในฐานะของผู้มีชะตากรรมเดียวกัน มีโอกาสก็อยากนำเสนอ คำคม ข้อคิด ดี ๆ ให้ทุกท่านได้รับรู้รับฟัง เรื่อง “ในวันที่ต้องอยู่กับ โควิด 19” ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า สิ่งที่นำเสนอ เป็นความรู้และประสบการณ์ของ สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น เพียงคนเดียว ไม่ได้คัดง้าง หรือ โต้แย้งความคิดของใคร เพียงแต่นำเสนอทุกอย่าง อย่างตรงไปตรงมาอย่างเป็นเหตุเป็นผล ถ้าท่านรู้สึกว่า สิ่งที่ผมนำเสนอไม่เข้าท่า ไม่น่าจะเป็นจริงอย่างนั้น ก็ขอให้ผ่านเลย อย่าสนใจในสิ่งที่ผมเสนอว่า เป็นอย่างไร แต่ผมขอบอกไว้เลยว่า สิ่งต่าง ๆ ที่นำเสนอ จะมีส่วนที่เป็นจริง มากกว่าส่วนที่ไม่จริง และ เต็มไปด้วยเหตุและผล 

ไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด 19 จะอยู่กับเราอีกนานไหม
การวิเคราะห์ สถานการณ์ โควิด 19 ในปัจจุบัน คงหลบไม่พ้นการค้นหาข้อมูลจาก อากู๋ เฮียเฟซ หรือช่องข่าวทางราชการ หรือ เอกชนต่าง ๆ แล้วเราก็จะพบข้อมูลว่า จำนวนคนติดเชื้อทั่วโลก มีเป็นจำนวนมาก อัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน การรักษาผู้ติดเชื้อ ทำได้เพียงการรักษาไปตามอาการ ยังไม่มีใครคิดค้น วัคซีน ที่ใช้ในการป้องกัน หรือคิดค้นยาที่ใช้ในการรักษา โควิด 19 ได้ตรง ๆ ดูจากเหตุการณ์ที่ โควิด 19 แพร่ระบาดรุนแรงขนาดนี้ แล้วผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก มะรุมมะตุ้มระดมสมองช่วยกันคิดต้องการสยบ โควิด 19 ลงให้ได้ในเร็ววันขนาดนี้ แต่ยังไม่มีใครกำราบเจ้า โควิด 19 ลงได้ซักที ก็น่าจะมองแนวโน้มออกแล้วนะครับว่า เราน่าจะต้องอยู่กับ โควิด 19 ไปอีกนานขนาดไหน

สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น ไม่ใช่คนมองโลกในแง่บวก หรือลบ ผมชอบมองโลกในแง่ที่มันเป็นจริง เราจะได้เตรียมพร้อมในการรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น แล้วไม่ตั้งอยู่บนความประมาท จากเหตุการณ์  โควิด 19 ทั่วโลก สรุปได้ว่า ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ ยังไม่มีใครสามารถคิดค้น วัคซีน หรือ ยาขึ้นมารักษา โควิด 19 ได้ แล้วกว่าคนติดเชื้อ โควิด 19 คนสุดท้ายจะรักษาหาย ยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ประเมินดูคู่ต่อสู้ โควิด 19 เป็นเชื้อจุลินทรีย์ เค้ามีวิวัฒนาการ แล้วก็การดิ้นรนปรับตัวให้มีชีวิตรอด เก่งกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นมากมายหลายเท่า และโปรดอย่าลืม ว่า ในอดีต เคยมีไวรัสชนิดหนึ่ง ชื่อ เอชไอวี เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ในมนุษย์ อุบัติขึ้นมาบนโลกหลายปีมาแล้ว ปัจจุบันยังไม่มีใครคิดค้นวัคซีน หรือยามารักษามันได้ แล้ว โควิด 19 มันจะไม่เป็นแบบนั้นบ้างเชียวหรือ

ต้องปรับตัว อยู่กับ ไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด 19
ภาวะยากลำบาก แบบอยากจะออกนอกบ้านยังทำไม่ได้อย่างอิสระแบบนี้ ทุกคนแม้กระทั่ง สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น ต่างก็คิดแบบเดียวกัน อยากให้มีใครมากำราบ โควิด 19 ได้ในเร็ววัน อยากทวงคืนวันคืนที่สามารถไปกินข้าวนอกบ้าน ไปดูหนัง ไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ฯลฯ กลับมา แต่เมื่อมันยังห่างไกลความจริงขนาดนี้ การจะกลับมาใช้ชีวิตอย่างที่เคยทำ เป็นอันเลิกคิด อย่าไปคิดให้เปลืองสมอง ตอนนี้ ต้องมาคิดกันใหม่แล้วว่า ในเมื่อเรายังปราบมันไม่ได้อย่างนี้ เราก็ต้องคิดในแง่ที่เราจะต้องอยู่ร่วมกับ โควิด 19 แล้วหละ แล้วก็ต้องคิดเผื่อด้วยว่า เราจะอยู่กับมันได้ยังไง โดยไม่ถึงกับต้องล้มหมอนนอนเสื่อ จิตตก ซึมเศร้า สติแตก ไปซะก่อนทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ได้ติดเชื้อ โควิด 19 เลย

โควิด 19 ในไทย
แรกเริ่มที่มีการติดเชื้อ โควิด 19 จะพบว่า มีการสอบสวนโรค เพื่อหาการเชื่อมโยงระหว่างผู้ติดเชื้อ โควิด 19 กับผู้สัมผัสใกล้ชิด จะเห็นว่า กลุ่มคนติดโรคช่วงแรก ๆ มี กลุ่มคนไปดูมวยสนามมวยลุมพินี กลุ่มคนเที่ยวสถานบันเทิง แล้วก็กลุ่มที่ไปมาเลเซีย เมื่อพบคน 3 กลุ่มนี้ติดเชื้อ  ก็นำไปสู่การสอบสวนโรค เพื่อทราบว่า ผู้ติดเชื้อเดินทางไปสถานที่ใด สัมผัสใกล้ชิดกับใครบ้าง เมื่อมีคนติดเชื้อใหม่เข้ามา สืบหาความเชื่อมโยง ก็จะทำให้รู้ว่า คนติดเชื้อรายใหม่ ติดเชื้อมาจากคนกลุ่มเสี่ยงเดิม 3 กลุ่มดังกล่าว อย่างที่เราเห็นกันว่า คนติดเชื้อใหม่ที่สัมผัสใกล้ชิดกับคนกลุ่มเสี่ยง ต่างทยอยเข้ารับการรักษา โควิด 19 กันเป็นจำนวนมาก สิ่งที่เกิดขึ้น บอกอะไรกับเราได้บ้าง

โควิด 19 ติดต่อได้ทางสารคัดหลั่ง
จากรอยเท้า โควิด 19 ที่ให้ไว้ จะเห็นชัดว่า โควิด 19 ไม่ลอยลมมา เค้าแพร่เชื้อด้วยการติดต่อกันทางสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ฯลฯ ดังนั้น โอกาสที่คนจะติดเชื้อ โควิด 19 ได้ ก็จะต้องอยู่สัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็น โควิด 19 และ จากการติดตามดูลักษณะการติดเชื้อในเวลาที่ผ่านมา ยังไม่พบว่ามีคนติดเชื้อ โควิด 19 โดยไม่มีที่มา หาสาเหตุไม่ได้ ส่วนใหญ่ ต้องมีการสัมผัสกับคนกลุ่มเสี่ยงกันทั้งนั้น จากลักษณะการติดเชื้อ ที่ผู้ติดเชื้อต้องสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็น โควิด 19 แล้วถึงจะติด การสอบสวนโรค จะทำให้เรารู้ว่า ผู้ติดเชื้อใหม่ติดเชื้อมาจากใคร แล้วผู้ติดเชื้อใหม่ไปติดต่อสัมผัสกับใครมั่ง จะได้นำไปสู่การรักษาตัวผู้ติดเชื้อ แล้วแจ้ง หรือประกาศให้คนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ได้รับรู้ข้อมูล เพื่อการกักกันตัว เฝ้าสังเกตอาการ และป้องกันการแพร่ระบาดต่อ ๆ ไป

ประมวลจากเหตุการณ์ทั้งหมด พอสรุปได้ว่า
1. แม้ โควิด 19 เป็นเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดได้ง่าย แต่ก็ ไม่สามารถแพร่แบบฟุ้งกระจายลอยไปตามลม การติดเชื้อยังไง ๆ ก็ต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่เป็น โควิด 19 อยู่ก่อน แล้วแค่อยู่สัมผัสใกล้ชิดคนเป็น โควิด 19 ก็ไม่ใช่จะติดเชื้อเลย ต้องถูกน้ำลาย น้ำมูก เลือด ฯลฯ จากการ พูดคุย การไอ การจาม หรือการใช้สิ่งของภาชนะร่วมกันเสียก่อน ถึงจะติดเชื้อ ดังนั้น ยังนับได้ว่า โควิด 19 ยังเหลือทางให้คนมีทางเลี่ยง หรือป้องกันไม่ให้ติดเชื้อได้ ถ้าเราไม่ไปอยู่ใกล้ คนเป็น โควิด 19 อยู่ก่อน แล้วดันไปติดเชื้อจากการถูกสารคัดหลั่ง หรือ การใช้สิ่งของร่วมกันเข้า การที่เคยมีการพูด หรือ การจินตนาการกันว่า เชื้อสามารถแพร่ หรือ ลอยฟุ้งไปตามลมได้ เป็นจินตนาการที่น่าจะเลยเถิด ถ้าเชื้อแพร่ไปตามลมได้ ป่านนี้ผมคงไม่อยากมานั่งพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เพราะทุกคนคงไม่รอดแล้วหละ

อยู่บ้าน ห่างผู้คน ต้องเริ่มทำ ณ บัดนาว
2. เมื่อต้องมี การพูดคุย ถูกไอ ถูกจาม หรือใช้สิ่งของภาชนะร่วมกับคนเป็น โควิด 19 แล้วถึงจะติดเชื้อ แล้วเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายของเราได้ทางไหน ก็เข้าทาง ตา จมูก และปาก ไง ดังนั้น ถ้าเราไม่อยู่ใกล้คนอื่น เราก็จะไม่ถูกคนไอ จาม พูดคุยใส่ ตรง ๆ แล้วยิ่งเรื่องการใช้สิ่งของภาชนะร่วมกัน ส่วนใหญ่ ก็จะไม่มีใครทำกันอยู่แล้ว ถ้าเราทำกันได้อย่างนี้ทุกคน โอกาสที่คนไม่เป็น จะไปถูกสารคัดหลั่งของคนเป็น โควิด 19 ไอ จาม พูดคุยใส่ หรือเอามือไปโดนสารคัดหลั่ง แล้วเอาไปป้ายเข้าที่ ตา จมูก และปากจนติดเชื้อก็จะเป็นศูนย์ รัฐบาลเค้าถึงได้รณรงค์ เรื่อง การรักษาระยะห่างทางสังคม ว่า เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องทำ เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คนที่เข้ามาใกล้ ๆ เราเค้าเป็น โควิด 19 หรือไม่

2. (ต่อ) แล้วยิ่ง ได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัดแล้วว่า มีคนติดเชื้อ โควิด 19 โดยที่ไม่มี หรือ ไม่แสดงอาการอะไรเลย ยิ่งทำให้ เรื่องนี้มันน่ากลัวหนักเข้าไปอีก ถ้าการติดเชื้อ ล้วนต้องมีอาการกันทุกคน คนติดเชื้อ คงไม่นิ่งนอนใจ ไง ๆ พอมีอาการ ก็ต้องไปรักษาตัวกันก่อนอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่เค้าไม่รู้เลย แล้วไม่มีสัญญานอะไรบ่งบอกแบบนี้ ตัวเค้าเองก็ไม่ได้ไปรับการรักษา แล้วเมื่อไม่มีอาการใด ๆ บ่งบอก เค้าก็คงใช้ชีวิตตามปกติ เข้าหาพูดคุยกับพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง กันแบบสบาย ๆ ทุกคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับเค้า ก็มีโอกาสได้รับ น้ำลาย น้ำมูก สารคัดหลั่ง จากตัวเค้ารับเชื้อเข้าร่างกายได้ตลอดเวลา ทางที่ดีที่สุด สิ่งที่จะต้องทำตอนนี้เลย คือ อยู่กับบ้าน ห่างผู้คน อย่าไปสุงสิงกับใครโดยไม่จำเป็น พยายาม รักษาระยะห่างทางสังคม เอาไว้ เป็นสิ่งที่เราต้องเริ่มทำให้ชินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

ล้างมือ ป้องกันทวารทั้ง 3
3. ชีวิตประจำวันยุค โควิด 19 นี่ตลกสิ้นดี ทุกวันนี้ เราไม่ค่อยเห็นใครไอ หรือจาม กันแล้ว การไอ หรือจาม ในยุค โควิด 19 นี้ คนที่ไอ หรือ จาม จะรู้สึกผิด จะไอจะจามกันที ต้องหลบ ๆ กระมิดกระเมี้ยนไม่กล้าไอ หรือจามเสียงดัง ต่างกับเมื่อก่อนลิบลับ ไอ หรือจาม ขึ้นมาที ไอจามลามต่อกันไปหมดทั้งห้อง ดังนั้น การที่เราจะถูกใครไอ หรือจามใส่ในทุกวันนี้ คงยาก แล้วเมื่อเราก็พยายามอยู่บ้าน ห่างผู้ห่างคนอย่างนี้ การที่จะถูกคน ไอ จาม หรือพูดคุยใส่ ตรง ๆ ย่อมไม่มีโอกาสเกิดขึ้น คราวนี้ก็คงเหลือเพียงทางเดียว คือ เราจะทำยังไง เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้สารคัดหลั่งของคนเป็น โควิด 19 ป้ายเข้าสู่ ตา จมูก และปาก ของเรา

3. (ต่อ) และ เมื่อเราไม่รู้ว่า น้ำลาย น้ำมูก น้ำเลือด น้ำหนอง ของคนเป็น โควิด 19 ติดอยู่ตรงไหนบ้าง ถ้าสารคัดหลั่งที่ติดอยู่ยังคงมีเชื้อ โควิด 19 ที่พร้อม เดลิเวอรี่ ให้เรา มันติดอยู่ตรงไหน เมื่อเราเอาอวัยวะใด ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงจะเป็นมือนี่แหละไปถูกมัน มันก็คือ การเริ่มเปิดโอกาสให้ โควิด 19 สามารถวิ่งเข้าสู่ ตา จมูก หรือปากของเราได้ แล้วเราจะออกจากบ้าน โดยไม่สัมผัสกับอะไรเลยได้มั้ย สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น ขอบอกเลยว่า ทำได้ แต่ทำยาก เราต้องคอยเอาทิชชู่มาคอยจับสิ่งของต่าง ๆ ทีแล้วก็ทิ้ง วันนึง เราเข้าออกสถานที่ต่าง ๆ มากมาย ถ้าทำแบบนั้น บอกเลยว่า ไม่เวิร์กแน่ แต่ถ้าเป็นวิธี ก่อนเอามือถูก ทวารทั้ง 3 ของเรา ให้ล้างมือด้วยสบู่ หรือเจล ทุกครั้ง น่าจะเป็นวิธีเวิร์ก และเข้าท่าในการป้องกันเชื้อไม่ให้แพร่เข้าทวารทั้ง 3 ของเราดีกว่า

คนเป็น โควิด 19 กับคนไม่เป็น สัมผัสสิ่งนี้แน่ ๆ
4. ของสิ่งหนึ่งที่ คนติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อ โควิด 19 สัมผัสมันกันทุกคน ไม่มีทางที่คุณจะเลี่ยงมันได้ คุณฟังที่ผมพูด คุณต้องเห็นจริงตามนั้น สิ่งนั้นคือ ธนบัตร และเงินเหรียญ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน คุณจะรู้มั้ยว่า ธนบัตร หรือเหรียญชิ้นไหนคนติดเชื้อเค้าใช้แล้ว เราไม่มีทางรู้ แล้วเราจะห้ามไม่ให้คนเป็น โควิด 19 ใช้เงินก็ไม่ได้ซะด้วย ดังนั้น สรุปได้ว่า เราทุกคน สัมผัสเงินที่คนเป็น โควิด 19 เคยสัมผัสกันมาแล้วทั้งนั้น แล้วสิ่งของอีกสิ่งหนึ่ง ที่เรามีโอกาสสัมผัสร่วมกับคนเป็น โควิด 19 สิ่งนั้นก็คือ จุดสัมผัสร่วมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ประตู หน้าต่าง ลูกบิด ฯลฯ ที่คนทั่วไปใช้กัน คุณไม่ต้องห่วง คนเป็น หรือไม่เป็น โควิด 19 ล้วนต้องเคยสัมผัสในจุดเหล่านั้นมาด้วยกันทั้งนั้น แต่ประเด็นที่ผมอยากจะบอกคืออะไร จากแรก ๆ ที่ผมบอก เท่าที่ผ่านมา เราไม่ได้ข่าวคนติดเชื้อ โควิด 19 โดยไม่ทราบสาเหตุที่มาที่ไป ส่วนใหญ่ ต้องมีการสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่เป็น โควิด 19 มาก่อน

4. (ต่อ) แล้วทำไมการใช้ธนบัตร เหรียญ หรือไปถูกจุดสัมผัสร่วมที่คนเป็น โควิด 19 สัมผัสมาก่อน ถึงไม่ติดเชื้อไปด้วย ที่เป็นอย่างนั้น อย่าลืมนะว่า ในธรรมชาติมีเชื้อโรคสารพัด การที่เชื้อ โควิด 19 จะเกาะอยู่บนธนบัตร เหรียญ หรือจุดสัมผัสร่วม แล้วยังสามารถแพร่เชื้อต่อไปยังคนได้ เชื้อ โควิด 19 จะต้องสู้ชนะเชื้อโรคธรรมชาติเหล่านั้น ที่มีทั้งปริมาณ แล้วก็ฤทธิ์เยอะกว่ากันมาก มีโอกาสมากว่า เชื้อ โควิด 19 มีกำลังไม่เพียงพอ สู้เชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ได้ ผลที่ออกมา จึงเป็นอย่างที่เราเห็น ๆ กันแล้วว่า ไม่มีใครติดเชื้อด้วยการสัมผัส ธนบัตร เหรียญ หรือจุดสัมผัสร่วม ในขณะคนเป็น โควิด 19 กันทั่วบ้านทั่วเมืองแบบนี้ ถ้ามีคนติดเชื้อในลักษณะแบบนั้น เราก็ต้องได้รับข่าวกันมาบ้างแล้ว แล้วที่มีคนพูดกันมากว่า เชื้อ โควิด 19 สามารถเกาะพื้นผิวใด ๆ ได้นานหลายชั่วโมง (ผมจำไม่ได้ว่ากี่ชั่วโมง เพราะงงว่า ใครช่างมีเวลามานั่งจับว่า โควิด 19 ถ้ามันอยู่ในธรรมชาติ

4. (ต่อ1) แล้วมันจะตายเมื่อไหร่ ผู้เชี่ยวชาญ น่าจะหาวิธีต่อสู้กับมัน มากกว่าที่จะมานั่งจับเวลารอดูมันตายนะ) อย่าลืมว่า สิ่งแวดล้อมที่ โควิด 19 อยู่ได้นาน มันต้องอยู่ในสารคัดหลั่ง ซึ่งมันก็คือ ต้องอยู่ในสภาพที่เปียกชื้น เมื่อ ธนบัตร เหรียญ หรือสิ่งสัมผัสร่วม ส่วนใหญ่ สภาพของมันจะแห้ง เมื่อ โควิด 19 มาเกาะ สภาพที่แห้ง เป็นสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะ มันก็ต้องสิ้นฤทธิ์ในเวลาไม่นาน ถ้ามันมีชีวิตได้นาน ในทุกสภาวะแวดล้อม ป่านนี้ คงมีคนติดเชื้อโดยไม่ทราบสาเหตุเต็มไปหมดกันแล้ว แต่ก็อย่างที่เห็นชัด ๆ ว่า ไม่เห็นมีข่าวแบบนั้นเกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ เพื่อความไม่ประมาท ที่ผมเคยบอกแล้วว่า เชื้อ โควิด 19 เข้าสู่ร่างกายเราได้ทางทวารทั้ง 3 การล้างมือก่อนจะเอามือไปถูก ทวารทั้ง 3 ย่อมเป็นสิ่งที่ต้องกระทำให้เกิดเป็นความเคยชิน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เราใช้หน้ากากเพื่ออะไร
5. คราวนี้ก็มาถึง การใช้หน้ากากอนามัย เรื่องนี้คนถกเถียงกันมาก ผมเลยขออธิบายว่า หน้ากากนั้น ปิดที่ปากคนคาด มันจึงเป็นสิ่งกันน้ำลายคนคาด ไม่ให้ฟุ้งกระเซ็นไปถูกคนอื่นเวลา ไอ จาม หรือพูดคุย มีประโยชน์ในการ ป้องกันไม่ให้คนคาดหน้ากาก แพร่เชื้อไปสู่คนอื่น การใส่หน้ากาก แล้วหวังว่า มันช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นแพร่เชื้อมาสู่เรา ผมว่า มันน่าจะได้ผลไม่เต็มที่ เวลาคนไอ หรือจามใส่คุณ ผ้าที่คาดปากอยู่ กันน้ำลายของเค้าได้แค่ไม่ให้มันเข้าปากกับจมูก แต่น้ำลายสามารถเข้าตาคุณได้เต็ม ๆ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ถูกมั้ยครับ ดังนั้น โปรดเข้าใจเสียใหม่ตามนี้ แต่การรณรงค์ให้คนใส่หน้ากากอนามัยกันมาก ๆ หรือทุกคนนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี เป็นการกันไม่ให้ทุกคน ทำให้น้ำลายของตัวเองฟุ้งกระจายไปถูกคนอื่น เป็นการป้องกันการแพร่เชื้อได้ดีวิธีการหนึ่ง ทุกวันนี้ ถ้าคุณเดินเข้าไปในกลุ่มคน แล้วคุณไม่ใส่ หน้ากากอนามัย ผมว่า คุณน่าจะต้องคิดเล็ก ๆ แล้วว่า “เราน่าจะทำอะไรผิดแล้วหละ”

ประเทศเจริญ แพ้ทาง โควิด 19
6. น่าแปลกใจเป็นที่สุด จากผลงานของ โควิด 19 ที่เข้ามาถล่มโลก ประเทศที่เจริญ ๆ จำนวนมาก มีคนเจ็บคนตาย คนติดเชื้อใหม่ ในขนาดที่แทบจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ทางการแพทย์หมดปัญญา ต้องปล่อยให้ประชาชนที่เป็นโรค อยู่รักษาตัวกันเองที่บ้าน รักษาตัวไปตามยถากรรม ใครรอดก็อยู่ ถ้าตายก็ถือว่าช่วยไม่ได้ เพราะหมดปัญญาแล้ว ต่างกับประเทศเล็ก ๆ ความเจริญด้อยกว่ากันมาก กลับได้รับความสูญเสียน้อยกว่า แล้วก็สถานการณ์ดูดีกว่ากัน ถึงขนาดแทบพูดได้ว่า ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว การแพทย์ก็ไม่นิ่งนอนใจ พยายามรักษาคนกันอย่างเต็มกำลัง ผมไม่ยกตัวอย่างใคร ดูบ้านเราเองนี่แหละ เรามักต่อว่า ว่า บ้านเรา ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ แต่เมื่อ คุณ โควิด 19 มาเยือน เราคงเริ่มรู้แล้วนะครับว่า ประชาชน แม้จะถูกควบคุมเข้มงวด ไม่ให้ออกจากบ้านโดยสะดวกบ้าง ทำมาหากินไม่ได้

6. (ต่อ) ต้องปิด ต้องหยุดกัน แต่ผลที่ได้คือ จำนวนคนที่เป็น โควิด 19 และคนติดใหม่ กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อ สถานการณ์ของ โควิด 19 กลับสู่ภาวะปกติ ประเทศเจริญที่เสียหายอย่างหนัก คงต้องทบทวน หรือเช็คบิลกับรัฐบาล เกี่ยวกับการป้องกันรักษาโรคระบาด โควิด 19 กันแน่ เค้าต้องหาว่า รัฐบาลทำยังไงกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้เสียหายร้ายแรง เจ็บป่วยล้มตายกันเป็นเบือได้ถึงขนาดนี้ แล้วคราวนี้แหละ ประชาชนในประเทศของเค้า อาจต้องหันมา แลดูประเทศเล็กประเทศน้อย ประเทศ ที่เค้าอาจไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาเลยก็ได้ ในระดับของรัฐบาล อาจต้องมาขอดูงานเพื่อเรียนรู้ว่า พวกประเทศเล็กน้อยเค้าทำยังไงกัน ทำไมสูญเสียกันเล็กน้อยแค่นี้ แล้วไม่ต้องห่วงเลย ประชาชนคนของเค้า ที่มีความสามารถพอที่จะย้ายที่พำนักในยามเกษียณจากงานได้ น่าจะอยากเฮละโลมาใช้ชีวิตบั้นปลาย กันที่ประเทศเล็กประเทศน้อยกันอยู่มากโข

ท้ายนี้ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
ทุกคนในโลกที่มี โควิด 19 อยู่ด้วยอย่างนี้ ตราบเท่าที่ยังไม่มีใครคิดวัคซีน หรือยารักษาขึ้นมาได้ หรือคนป่วยรายสุดท้าย ยังรักษาไม่หาย เราก็คงต้องคิดวางแผนชีวิตของเราเสียใหม่ ชีวิตคนต้องกินต้องใช้ ลูกหลาน ญาติผู้ใหญ่เราต้องให้การดูแล การเผชิญวิกฤติแล้วนิ่งชะงักงัน ไปทางไหนไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง น่าจะไม่เข้าท่า แล้วคนที่ต้องพึ่งพาเราเค้าจะอยู่ยังไง แล้วจะเอาอะไรกิน เราต้องปรับแนวคิดปรับจิตใจเสียใหม่ ภาวะวิกฤติอย่างนี้ หากเราไม่ปรับแผนการใช้ชีวิต และการหาเงินหาทองกันเสียใหม่ โอกาสที่จะไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินมีสูง แล้วอย่าหวังไปแบมือขอจากใคร เพราะรัฐบาลสามารถหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ได้ก็เพียงบางส่วน จะให้ทุกคนอย่างเต็มที่ย่อมไม่สามารถทำได้ แล้วในภาวะที่มองเห็นชัด ๆ ว่า ภาคธุรกิจไม่มีรายได้ การจัดเก็บภาษีไปเป็นค่าใช้จ่ายประเทศ ย่อมไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย เมื่อเก็บภาษีไม่ได้อย่างนี้ แค่บริหารเอาประเทศให้ไปต่อได้ก็ลำบากแล้ว จะเอาอะไรที่ไหนมาช่วยเหลือกันได้มากมาย ขอบอกเลยว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” นับเป็นวิธีการที่เหมาะสมที่สุด

คำถาม
คุณคิดอย่างไรกับ สิ่งที่ได้รับชมรับฟัง ถ้ามีสิ่งใด หรือประเด็นข้อสงสัยใดที่ต้องการจะสอบถาม มีข้อแนะนำ คำติชม หรือต้องการแสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ สามารถนำเสนอได้ที่ ช่องความคิดเห็นทางด้านล่าง สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น ยินดีรับฟัง และขอต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดีครับ

ผู้จัดทำโครงการ
วิดีโอนี้ จัดทำขึ้นโดย สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น โดยเรื่องราวที่นำเสนอนี้ คือ เรื่อง ในวันที่ต้องอยู่กับ โควิด 19 หวังว่าทุกท่าน จะได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์ แล้วติดตามเรื่องราวดี ๆ จาก สารวัตรโบ้  คนโม้ไม่เป็น ได้อีก ในเรื่องราวที่จะนำเสนอในโอกาสหน้าต่อไป ขอขอบคุณทุกท่าน ที่ให้ความสนใจ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สวัสดีครับทุกท่าน กรณีที่ท่านติดตามชมบล็อกของผมแล้วต้องการแสดงความคิดเห็น ผมเปิดกว้างสำหรับทุกท่าน ขอความกรุณาแค่แสดงความคิดเห็นให้ตรงกับเนื้อหาของผม กรณีจะแสดงความคิดเห็นที่ไร้สาระ ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเลย ได้โปรดอย่าทำเลยครับ ผมขี้เกียจลบ ขอบคุณมากครับ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น