วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน อย่าพลาดเพียงเพราะเรื่องแกร๊กเดียว

คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน วันนี้ คือ อย่าพลาดเพราะเรื่องแกร๊กเดียว

คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน ที่ผมมานำเสนอในวันนี้ คือ อย่าพลาดเพียงเพราะเรื่องแกร๊กเดียว เรื่องแกร๊กเดียวที่ผมพูดถึงก็คือ การล็อกแม่กุญแจเพื่อปิดประตูนั่นเอง

ขอย้อนยุคกลับไปเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2536 ขณะนั้น ผมยังมียศเป็น สิบตำรวจตรี มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ คือ เป็นยามเฝ้าห้องขังดูแลผู้ต้องหา อยู่ที่ สถานีตำรวจภูธร ตำบลโพรงมะเดื่อ อ.เมือง จ.นครปฐม ตอนนั้น เป็นยุคเริ่มแรกของการก่อตั้งสถานีตำรวจ เป็นช่วงที่หลวงมาทำการเปิด โรงพักโพรงมะเดื่อใหม่ ๆ ตัวสถานีตำรวจยังใช้อาคารไม้เก่า ๆ อยู่ หลัง ๆ มีโอกาสได้ผ่านไป รู้สึกว่า ปัจจุบันตัวสถานีสร้างเป็นอาคารคอนกรีตใหญ่โตโอ่อ่าไปแล้ว พูดถึงตอนที่เป็นโรงพักไม้เก่านั้น ห้องขังผู้ต้องหาเค้าทำไว้อยู่บนชั้น 2 ต้องเดินขึ้นบันไดด้านหน้าขึ้นไปบนชั้น 2 จึงจะพบกับห้องขัง เป็นห้องขังห้องเดี่ยว เล็ก ๆ ใส่คนไม่กี่คนก็แน่นแล้ว เค้าทำที่ถ่ายหนักถ่ายเบาอยู่ในห้องขังด้วย แต่สิ่งนึงที่มันควรจะมีพร้อมกับที่ถ่ายหนักถ่ายเบา คือ ก๊อกน้ำ ในห้องขังนั้นกลับไม่มีก๊อกน้ำ ถ้าจะมีการใช้น้ำราดสิ่งที่ถ่ายหนักเบาไป เกิดน้ำหมด ก็ต้องเอาถังน้ำลงไปตักน้ำจากชั้นล่างเอาขึ้นมาใช้ข้างบน 

ตอนนั้น การเข้าเวรยามเฝ้าห้องขัง จะใช้ตำรวจเพียงคนเดียว คนอื่นที่เข้าเวรด้วยก็มี เช่น ร้อยเวร สิบเวร แต่เค้าก็ไม่ได้มาเฝ้าผู้ต้องหาแบบผม ตอนนั้น ผมแทบจะเด็กที่สุด เค้าก็จัดให้มีหน้าที่เข้าเวรยามเฝ้าผู้ต้องหาหน้าห้องขัง หน้าห้องขังก็มีโต๊ะเก้าอี้ทำงาน มีทีวีดู พอตกเย็นเวลานอน ก็จะเอาเตียงผ้าใบมากางนอนเวลากลางคืน ในระหว่างที่เข้าเวรยาม ก็หลบไม่พ้นว่า จะต้องเอาผู้ต้องหาไปตักน้ำจากก๊อกน้ำที่อยู่ชั้นล่างขึ้นมาใช้ วิธีการก็คือ จะต้องเปิดประตู เอาตัวผู้ต้องหาถือถังน้ำลงไปตักน้ำขึ้นมา พวกผมที่เข้าเวรยาม ก็จะใช้วิธีการนี้กันทุกคนแหละ ก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นวิธีการที่หละหลวมมาก ซึ่งทุกท่านก็คงคิดเหมือนผมนั่นแหละ แล้วมันก็เกิดเหตุขึ้นจริง ๆ อย่างที่เราคิดกันนั่นแหละ เป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกันมากแบบเดจาวู 2 เหตุการณ์เลย แต่ผลของเหตุการณ์กลับต่างเป็นตรงกันข้ามกัน ซึ่งผมกำลังจะเล่าให้ฟังในช่วงต่อจากนี้ไป

เอาเรื่องของผมก่อนเลยนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน มีอยู่วันนึง ขณะที่ผมเข้าเวรกะกลางคืนแล้วต้องออกเวรตอนเช้า ก่อนออกเวร ผู้ต้องหาซึ่งมีกันอยู่ 5 - 6 คน ก็ต้องมีการเข้าห้องน้ำขับถ่ายกันบ้าง ก็ต้องมีการใช้น้ำราด พอน้ำหมด ผู้ต้องหาคนนึง ก็เรียกผมขอลงไปตักน้ำที่ก๊อกน้ำด้านล่าง ผมก็ไขแม่กุญแจเปิดประตูห้องขัง ประตูห้องขังเป็นแบบสายยูมีแม่กุญแจใหญ่ ๆ ล็อก ผมก็เปิดประตู แล้วก็เรียกผู้ต้องหาคนที่เรียกเรา ให้เดินหิ้วถังน้ำออกมา จากนั้นผมก็ปิดประตู ตอนนั้นผมคิดว่า "เออ ไปแค่เดี๋ยวเดียวเอง ไม่ต้องล็อกต้องเลิ๊กแม่กุญแจมันหรอก เดี๋ยวก็ขึ้นมาแล้ว" ผมก็แค่ผลักบานประตูปิดโดยไม่ได้ล็อกแม่กุญแจ แล้วก็พากันเดินลงไปกับ ผู้ต้องหาเพื่อไปตักน้ำ ผมกับผู้ต้องหาลงไปได้พักเดียว เมียตำรวจคนนึงที่อยู่แถวหน้าโรงพัก ตะโกนเสียงดังโหวกเหวกให้ได้ยินว่า "เฮ้ย! เมื่อกี้เห็นคน 2 คน เดินลงมาจากชั้น 2 ของโรงพัก ใช่ผู้ต้องหาหรือเปล่า" พอผมได้ยินเสียงโหวกเหวก ก็เรียกให้ผู้ต้องหาที่ลงไปตักน้ำกับผม กลับขึ้นไปบนห้องขัง พอขึ้นไปบนห้องขังเท่านั้นแหละ รู้เลยว่า ผู้ต้องหา 2 คน ฉวยโอกาสที่ผมไม่ได้ล็อกแม่กุญแจประตู เปิดประตูวิ่งหลบหนีไป งานเข้าแล้วครับ ยุ่งละซี ตอนนั้น ผมเพิ่งจะเรียนจบ ปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซะด้วย กำลังคิด จะไปสอบนายร้อยอยู่พอดี พอรู้ว่า ผู้ต้องหา 2 คน หลบหนีไปอย่างนี้ ผมคิดเลยว่า "เสร็จกันกู ไม่ต้องส่งต้องสอบมันแล้ว" ตอนนั้นหัวมันก็คิดอยู่แต่อย่างนี้เลย แต่ก็ยังไม่ละความพยายามนะ ขึ้นรถมอร์เตอร์ไซด์ได้ ควบตะบึงมั่วไปหมด วิ่งไปตามถนน ตามทางที่คาดว่า ผู้ต้องหา จะหนีไป แต่โทษที ไม่เห็นวี่แววว่าจะพบผู้ต้องหาเลย

ขี่รถตะลอนไปได้พักใหญ่ ได้ยินเสียงวิทยุตำรวจ แจ้งว่า สกัดจับผู้ต้องหาที่หนีไปได้แล้ว พอผมได้ยินอย่างนั้น ผมโล่งอกเลยทีเดียว คิดว่า "เออ ดวงเรายังดีแฮะ อย่างนี้ยังมีสิทธิสอบนายร้อยได้หวะ" แล้วก็ขี่รถไปดูผู้ต้องหา 2 คน ที่ถูกจับ

ผู้ต้องหา 2 คน ที่หนีขณะที่ผมเข้าเวรยามอยู่นั้น เค้าหนีจากโรงพักโพรงมะเดื่อ ออกไปทางสุสานที่อยู่ใกล้ ๆ ห่างกันออกไปประมาณซัก 300 เมตร ซึ่งขณะที่ผู้ต้องหากำลังวิ่งหนีอยู่นั้น มีคนที่ทำงานอยู่ที่สุสานนั้น เห็นคนวิ่งมาท่าทางผิดสังเกตอยู่ 2 คน ทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ แล้วก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำของสุสาน บังเอิญพี่คนนั้นเค้ารู้จักกับตำรวจโรงพักโพรงมะเดื่อ ก็เลยแจ้งให้ตำรวจรู้เรื่อง ก็เลยเข้ามาล้อมที่ห้องน้ำของสุสาน แล้วก็จับตัวเอาไว้ได้ พอได้ตัว ถามผู้ต้องหา 2 คน เค้าบอกว่า ที่เข้ามาซ่อนตัวในห้องน้ำไว้ก่อน ก็กะว่า ปลอดคนเมื่อไหร่ โอกาสเหมาะ ๆ แล้วค่อยหนี แต่อารามความซวย ดันมีคนเห็นตอนเข้ามาหลบซะก่อน เลยต้องโดนจับรอบสองซะฉิบ เรื่องนี้ ก็เป็นอันจบไปอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง คือ ผมมีสิทธิ์ไปสอบนายร้อยได้ ไม่ต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน ถูกลงโทษทางวินัย ถ้าไม่สามารถจับตัวผู้ต้องหา 2 คน กลับมาได้ ขอขยายความเล็กน้อย การที่ผู้ต้องหาหนีไป ขณะที่อยู่ในความควบคุมของเรานั้น ถ้าเป็นตามปกติ ผมจะต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน แล้วระหว่างที่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ผมจะไม่มีสิทธิสอบนายร้อยได้เลย ถ้าตอนนั้น จับผู้ต้องหา 2 คนไม่ได้ ผมก็ไม่มีสิทธิ์ได้สอบนายร้อย แล้วจนกว่ากรรมการจะสอบสวนเสร็จ อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แล้วผมจะยังมีไฟในการสอบอีกมั้ย ไม่มีทางที่จะตอบได้เลย แล้วคุณดูสิ ปีนั้น หลังจากที่ผมมีสิทธิ์สอบ ผมก็ประสบความสำเร็จ สามารถสอบนายร้อยได้เลยซะด้วย คุณดูสิครับ โชคของผมดีขนาดไหน นอกจากไม่ต้องถูกตั้งกรรมการลงโทษทางวินัยแล้ว ยังสอบได้นายร้อย เพิ่มฐานะตัวเองได้ตามความใฝ่ฝันอีกด้วย

คราวนี้ ย้อนภาพกลับไปดูว่า ทำไมผู้ต้องหา 2 คน ถึงหนีไปได้ ในขณะที่ผมเข้าเวรยามหน้าห้องขังอยู่ ค่อย ๆ นึกดู คุณจะพบว่า ตอนเปิดประตูห้องขังเพื่อเอาตัวผู้ต้องหาออกมาหิ้วน้ำ ด้วยผมคิดว่า จะพาผู้ต้องหาลงไปตักน้ำเพียงเดี๋ยวเดียว ไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยไม่ยอมล็อกแม่กุญแจหน้าห้องขังนั่นเอง 

มาดูกันว่า การล็อกแม่กุญแจหน้าห้องขังผู้ต้องหาหนะ มันมีความยากเย็นแค่ไหน ลองดู ภาพการล็อกแม่กุญแจเพื่อปิดประตูห้องของผม ที่ผมนำเสนอให้ดูเพื่อเปรียบเทียบ ชั่งน้ำหนัก แล้วให้เห็นภาพว่า การล็อกแม่กุญแจประตู มันมีความยากง่าย แล้วก็เสียเวลาของเราไปขนาดไหน



การล็อกแม่กุญแจประตู ง่ายมาก ทำไมผมไม่ล็อกมันเฉยเลย

เห็นหรือเปล่าครับ การล็อกแม่กุญแจประตู เป็นการกระทำที่ง่ายมาก ไม่เสียเวลา ไม่มีความยุ่งยากอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วทำไม เรื่องง่าย ๆ แค่เนี่ย ตอนนั้น ทำไมผมถึงมีความคิดว่า ไม่ต้องล็อกมันหรอก เดี๋ยวเดียวก็ขึ้นมาแล้ว ผมคิดอย่างงั้นไปได้ยังไง 

ผู้ต้องหาที่อยู่ในห้องขังหนะ ถ้าเค้าอยากจะหนีนะ แม้คุณเฝ้าเค้าอย่างแข็งขัน เค้าก็ยังหาจังหวะที่จะหนีอยู่ตลอด แล้วนี่ผมเปิดโอกาสให้จังเบอร์อย่างนี้ มีหรือที่จะไม่หนี ยังดีนะ คนที่เหลือ แล้วก็คนที่ผมพาลงไปตักน้ำไม่หนีไปด้วย อย่างที่บอก คนที่เค้าเรื่องเล็กน้อย คนที่ไม่อยากหนี เค้าก็ไม่หนี มีโอกาสเค้ายังไม่หนีเลย มีเพียง 2 คน ที่หนีนั่นแหละ ที่ฉวยโอกาสเปิดประตู ตอนผมไม่ได้ล็อกแม่กุญแจนั่นแหละหนีไป คุณเห็นมั้ยว่า ดวง หรือ โชค ของผมมันยังดีอยู่จริง ๆ ขนาดคน 2 คน หนีหายไปแล้ว ยังมีคนเห็น บอกตำรวจให้จับตัวกลับมาได้ แล้วผู้ต้องหาที่เหลืออยู่ ก็ไม่มีใครหนีไปด้วย เฮ้อ! คิดแล้วใจหาย ถือว่าดวงผมมันยังดีอยู่จริง ๆ

มูลเหตุของการหนีครั้งนี้ ไม่มีอะไรมากเลย นอกจาก การไม่ยอมล็อกแม่กุญแจห้องขัง ของผมเพียงแกร๊กเดียว ถ้าตอนนั้นผมล็อกแม่กุญแจห้องขังซะแล้ว เรื่องที่ผมเล่ามายาวยืด คงไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้เลย ดังนั้น ผมขอให้นำ คำคมเพื่อชีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงานดี ๆ ง่าย ๆ ที่ผมได้รับมาจากความผิดพลาดของตัวเองในครั้งนั้น เป็น คำคม ข้อคิด ดีๆ ที่เหมาะสำหรับทุกท่าน เอาไว้หมั่นเตือนสติตัวเองเสมอ ๆ ดังนี้

อันคำว่า เซฟตี้เฟิร์ส ที่เคยรู้
เค้าให้ดู เฝ้าระวัง กันเอาไว้
ทั้งไฟฟ้า ฟืนไฟ อย่าไว้ใจ
ไม่ประมาท ดูแล ให้จงดี
ดูตัวอย่าง ของผู้เขียน ให้ชัด ๆ 
เกือบโดนอัด ด้วยวินัย ไปซะแล้ว
ถ้าบังเอิญ ต้องเข้าเวร ระวังภัย
พยายาม อย่าหลงลืม เรื่องแกร๊กเดียว

ทุกวันนี้ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องทำ เพื่อป้องกันเหตุร้ายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น แฟนผมกำลังทำกับข้าวเปิดไฟอย่างแรง แล้วเดินไปคุยกับเพื่อนบ้าน, ตอนผมไปรับแม่ผม ต้องจอดรถยนต์หน้าบ้านแล้วปล่อยรถให้ติดเครื่องไว้, ตอนจอดรถยนต์ แล้วต้องเดินไปทำธุระห่างจากรถออกไป ฯลฯ ทั้งสามสถานการณ์ที่เป็นตัวอย่างนี้ ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ ผมจะทำอย่างไรบ้าง นี่เลย ผมจะหมุนสวิทช์เตาแก๊สเบาไฟลง หรือถ้าดูแล้ว แฟนผมไม่น่าจะกลับมาที่เตาแก๊สเร็ว ๆ นี้แน่ ผมจะปิดเตาแก๊สไปเลย เรื่องที่ติดเครื่องรถยนต์แล้วลงไปทำธุระ ผมจะปิดสวิทช์ดับเครื่องไปเลย ไม่ปล่อยให้รถติดเครื่องเอาไว้โดยที่ตัวผมไม่ได้นั่งอยู่ที่นั่งคนขับ (คนติดเครื่องรถไว้ แล้วโดนคนอื่น ฉวยโอกาสขึ้นขับหลบหนีไปมีมามากมายแล้ว ผมเคยประสบเหตุอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเองมาชัด ๆ แล้ว ดังนั้น ไม่จำเป็นโปรดอย่าเสี่ยง ขอบอก) แล้วเรื่องจอดรถแล้วตัวเราต้องออกไปทำธุระห่างรถ ไม่ว่าผมจะจอดรถไว้ที่ไหน จะเป็นสถานที่ทำงาน หรือในที่ที่ไม่น่าจะมีใครมาทำอะไรกับรถ ผมก็จะต้องล็อกรถทันที ผมต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอ จะไม่ยอมปล่อยผ่านอะไรทำนองนี้ไปอีกแล้ว อย่าปล่อยให้เรื่องบางเรื่องอย่างที่ผมเล่ามา กลายเป็นเรื่องที่บันดาลผลเลวร้ายให้เกิดกับเรา เป็นเพราะเรื่องเพียงแค่แกร๊กเดียว คุณลองจินตนาการกันดูเล่น ๆ นะครับ หากผม หรือตำรวจพวกผม ไม่สามารถตามตัวผู้ต้องหา 2 คนกลับมาได้ในวันนั้น ชีวิตหลังจากนั้นของผมจะเป็นยังไง จะได้มาเป็น สารวัตรโบ้ คนโม้ไม่เป็น คนนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอ ๆ ปัจจุบันยังคงเป็นนายสิบตำรวจอยู่ที่โรงพักโพรงมะเดื่ออยู่นั่นเอง

แล้วเรื่องอีกเรื่องที่ผมติดไว้ ที่ผมบอกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เหมือน หรือคล้ายกันกับเรื่องที่เกิดกับผมมาก แต่ผลที่ได้ต่างกัน มันเป็นเรื่องอะไร มาติดตามดูกันครับ หลังจากที่ผู้ต้องหา 2 คนของผมหนีในครั้งนั้นแล้ว ผมก็สอบนายร้อยได้ ต้องไปเข้ารับการอบรมแล้วก็ย้ายออกจากโรงพักโพรงมะเดื่อไป ก็มีโอกาสได้กลับมาเที่ยว ได้ฟังเรื่องราวที่เหมือน หรือคล้ายกับที่ผมโดนเปี๊ยบเลย เพียงแต่รายละเอียดนิดหน่อยที่มันต่างกัน แต่ขอบอกว่า ผลของมันต่างกันแบบฟ้ากับเหว เรื่องก็มีอยู่ว่า มีตำรวจคนนึงย้ายมาอยู่โรงพักโพรงมะเดื่อหลังผมเล็กน้อย เป็นรุ่นพี่ เค้าก็ต้องเข้าเวรยาม เฝ้าผู้ต้องหาหน้าห้องขังเหมือนผม แล้วก็หลบไม่พ้นหน้าที่พาผู้ต้องหาลงมาตักน้ำ ก็เหมือนกันเด๊ะ ผมก็ไม่รู้ว่า ทำไมเค้าไม่ทำก๊อกน้ำขึ้นไปที่ห้องขังก็ไม่รู้ รุ่นพี่ผมเค้าก็ต้องทำวิธีการแบบเดิม ๆ อย่างที่ผมทำนั่นแหละ คือ ตอนเช้าที่ผู้ต้องหาเค้าเข้าห้องน้ำ ต้องใช้น้ำ พี่เค้าก็ต้องพาผู้ต้องหาคนนึงลงมาตักน้ำ ปรากฏว่า ของพี่เค้านี่ ความซวยมีมากกว่าผม ผู้ต้องหาคนที่พี่เค้าพาลงมาตักน้ำเนี่ย คิดไม่ซื่ออยู่ก่อนแล้ว เค้าคิดอยากจะหนีเองอยู่แล้ว เค้าเพียงแค่รอ ถ้าสบโอกาสเมื่อไหร่เป็นหนีทันที แล้วช่องโหว่ของการเอาผู้ต้องหาลงไปตักน้ำตามที่ผมเล่าเป็นไงครับ หมูเลย อาศัยเวลาลงมาตักน้ำ เค้ารู้อยู่ว่า มีตำรวจเพียงคนเดียวคุมตัวลงมาด้วย ถ้าฉวยจังหวะดี ๆ ทำให้ตำรวจเสียจังหวะนิดหน่อย วิ่งหนีเร็ว ๆ ก็น่าจะหนีได้แล้ว ดังนั้น วันนึงที่รุ่นพี่ผมเค้าพาผู้ต้องหาลงมาตักน้ำ ผู้ต้องหาก็ใส่น้ำในถังจนเกือบเต็ม แล้วก็หิ้วน้ำขึ้นมาทำท่าเดินไป พอได้จังหวะที่รุ่นพี่เค้าเผลอ ผู้ต้องหาคนนั้นก็หันมา เอาถังน้ำที่มีน้ำเกือบเต็มหนะ สาดเข้าไปที่หน้าของพี่เค้า สาดไปทั้งถังน้ำนั่นแหละ รุ่นพี่ผมพอโดนน้ำสาดมาทั้งถังเข้าที่หน้าตรง ๆ ก็ตกตะลึง ทำอะไรไม่ถูก นั่นแหละ จังหวะที่ผู้ต้องหาคนนั้น ใส่ตีนหมาวิ่งแนบไปลิ่วแล้ว ผู้ต้องหาเค้าวิ่งออกไปทางหน้าโรงพัก เลี้ยวออกไปทางขวา ประมาณซัก 2 - 3 ร้อยเมตร ก็จะมีดงอ้อยที่ชาวบ้านเค้าปลูกพุ่มหนา ๆ ขึ้นอยู่ เขต ต.โพรงมะเดื่อ เนี่ย ไม่ต้องห่วงเลยครับ ดงอ้อยมีอยู่เต็มทั่วบริเวณไปหมด พอผู้ต้องหาหนีเข้าดงอ้อยได้ เท่านั้นแหละครับ หายจ้อยไปเลย ตำรวจทั้งโรงพักระดมกำลังกันตามหา หายังไงก็หาไม่พบ ก็ต้องเลิกหาหละครับ ก็ต้องใช้วิธีการ ให้สายสืบช่วยไปตามหาที่บ้านของผู้ต้องหา เผื่อเจอตัวก็ให้ช่วยจับกลับมา แต่เท่าที่ผมรู้มา พี่เค้าไม่สามารถตามผู้ต้องหากลับมาได้ อย่างนี้ ก็ต้องถูกลงโทษทางวินัยไปตามปกติ คุณเห็นหรือยังครับ เรื่องราวของพี่เค้าที่เล่าทีหลัง รายละเอียดเหมือน หรือคล้ายกับเรื่องผมเลยใช่มั้ยครับ แต่ผลที่เกิดตรงกันข้ามกัน ของผมนั้นโชคดีเหลือขนาด ถ้าโชคไม่ดี ก็ต้องรับโทษเป็นอย่างเดียวกับพี่เค้าหละครับ ถ้าตอนนั้นจับผู้ต้องหา 2 คนไม่ได้ ไง ๆ ปีนั้น ผมไม่มีทางได้สอบนายร้อยแน่นอนอยู่แล้ว 

ก็ขอเตือนทุกท่าน ให้ระมัดระวัง เรื่องอะไรก็ตาม ที่เราสามารถกระทำเพื่อป้องกันผลร้ายก่อนได้ เพียงแต่เราอาจไม่เห็นความสำคัญของมัน หรือว่าเพราะขี้เกียจ เช่น ปิดไฟฟ้า ปิดเตาแก๊ส ล็อกประตูรถ ล็อกประตูบ้าน ฯลฯ เรื่องที่เป็นเรื่องต้องป้องกันผลร้ายที่อาจเกิดขึ้นอย่างเนี่ย ทำได้ให้รีบทำก่อนเลย อย่ารีรอ อย่าปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้น บันดาลผลร้ายกับชีวิตเรา ชีวิตเราต้องเปลี่ยนไปเพียงเพราะ เรื่องแกร๊กเดียว เลยครับ อย่าเสี่ยงให้เกิดกรณีอย่างผมเด็ดขาด ผลของครั้งหน้า อาจไม่โชคดีอย่างผม ผมก็มาแนะนำเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจกัน เป็น คำคมเพื่อขีวิต หรือ ข้อคิดในการทำงาน ดี ๆ ที่ผมอาจอยู่ในฐานะรุ่นพี่ หรือเพื่อน ที่สามารถเตือนสติทุกท่านจะได้เอาไปใช้ในการทำงาน การใช้ชีวิตภายหน้าต่อไป ถ้ามีเรื่องราวอะไรที่น่าสนใจ ก็จะมานำเสนอให้ทุกท่าน ได้รับชมรับฟังกันในโอกาสหน้าต่อไป ขอบคุณที่ให้ความสนใจ สวัสดีครับ 

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุเอ ที่ทำงานผมเป็นเกือบทุกคน แฟนผมไม่เป็น นี่มันอะไรกัน

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ใครที่เคยเป็นคงรู้พิษสงของมันดี อาการของคนเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ นี้ อาการเด่น ๆ ก็คือ ปวดเมื่อยหมดเรี่ยวหมดแรงมีอาการไอ มีไข้ แต่ไม่มีน้ำมูกไหล 

เมื่อประมาณเดือน ตุลาคม 2562 ผมอยู่ ๆ ก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว ก็งงเหมือนกัน ไม่ได้ไปไหน หรือทำอะไรที่น่าจะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยได้เลย ก็ไม่ได้คิดอะไร วันรุ่งขึ้น ด้วยความที่ไม่รู้ว่า ตัวเองไม่สบาย เข้าใจว่าปวดเมื่อยพักเดียวก็หาย ก็มาทำงานตามปกติ ปรากฏว่า ได้เรื่องเลยครับ ที่ทำงานผมมีเพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมอยู่ห้องเดียวกันอีก 2 คน ต้องติดไข้หวัดจากผมไปด้วย ที่รู้ก็เพราะ ได้ยินแต่ละคน ไอกันข็อกแข็กข็อกแข็ก ผมก็ว่า ได้เรื่องแล้ว แสดงว่า ไอ้อาการที่ผมปวดเมื่อยอยู่เนี่ย น่าจะเกิดจากผมเป็นไข้หวัด แล้วก็แพร่เชื้อไข้หวัดไปติดคนอื่น ๆ ด้วยแหงเลย

ตัวผมเนี่ย เวลาไม่สบาย ส่วนใหญ่จะปล่อยให้มันหายเองตามธรรมชาติ อย่างมากก็ซื้อหายามากิน คราวนี้ก็เหมือนกัน ก็คิดว่า จะปล่อยให้มันหายเองแต่ปรากฏว่า ดันทำให้เพื่อนร่วมงานติดไข้หวัดไปด้วยกันซะแล้ว เพื่อนร่วมงานคนนึงที่ติดไข้หวัดจากผม รู้สึกจะมีอาการมากหน่อย เลยไปหาหมอ ปรากฏว่า หมอตรวจเชื้อแล้ว พบว่า เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้วก็ให้ยามากิน พอเพื่อนร่วมงานผมบอกว่า เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ผมก็ไม่ต้องไปสืบหาเลยว่าผมเป็นอะไร ก็ต้องเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ เหมือนกันนั่นแหละ

แต่ก็มีเรื่องแปลกแต่จริงอยู่เรื่องหนึ่ง ที่ผมสังเกตได้ในขณะที่ผมเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ นี่แหละ คือ แฟนผม ที่ใช้ชีวิตร่วมอยู่กับผมตลอดเวลา กินข้าวปลาอาหารด้วยกัน ดื่มน้ำด้วยกัน หลับนอนอยู่เตียงเดียวห้องเดียวกัน โดยที่ไม่ได้มีความระมัดระวังเกรงกลัวเลยว่า จะติด ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ จากผมไปด้วย ปรากฏว่า ตอนที่ผมมี อาการของคนเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์เอ ทำไมแฟนผมถึงไม่เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ กับผมไปด้วย ผมหละงงจริง ๆ 

พอมาทบทวนตรวจสอบกันดู ผมกับเพื่อนร่วมงาน เพียงนั่งทำงานใกล้กัน ติดไข้หวัดจากผมงอมแงมเป็นกันเกือบทุกคน แล้วแฟนผมที่อยู่ใกล้ชิดกับผมทุกวัน กลับไม่เป็นอะไร เลยสืบสวนทวนความเพื่อจะได้รู้ว่า ทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น 

นี่เลยครับ อาวุธลับที่ทำให้ แฟนผมไม่ติด ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ จากผม หลายท่านน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี สมุนไพร ฟ้าทลายโจร หรือ ต้นฟ้าทลายโจร ที่ขึ้นอยู่ทั่วบริเวณบ้านผม เป็นสมุนไพรชั้นยอดคุณภาพเหลือล้น ที่ขึ้นให้ผมกับคนในบ้านได้กินได้ใช้ฟรี ๆ มายาวนาน มาดู ต้นฟ้าทลายโจร ที่บ้านผมกันครับ
ต้นฟ้าทลายโจร มีเม็ดคล้ายต้อยติ่ง

มูลเหตุที่ทำให้แฟนผมไม่ติด ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ จากผมไปด้วย ก็ด้วยเหตุที่ แฟนผม จะกิน ฟ้าทลายโจร อยู่เป็นประจำ บ้านผมบังเอิญ มี ต้นฟ้าทลายโจร มาขึ้นเองอยู่มากมาย พอแฟนผมรู้สึกว่า ท่าทางไม่ค่อยดี อาจจะเป็นหวัด ไม่สบาย มีอาการไอค๊อกแค๊ก ๆ ก็จะไปเอา ใบ ฟ้าทลายโจร มากิน ก็จะเด็ดมาประมาณซัก 4 - 5 ใบ แฟนผมเค้าไม่กลัวขม พอใส่เข้าปากยังมีเคี๊ยว ๆ ให้แหลกแล้วค่อยกลืน ผมก็มาคิด ๆ ดู นั่นแหละ น่าจะเป็นสาเหตุที่แฟนผม ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับผมมาก แล้วไม่ได้ระวังอะไรเลย จึงไม่เป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ไปกับผมด้วย ผมเลยสรุปเป็นเบื้องต้นสำหรับผมเลยว่า ต่อไปนี้ ถ้าบังเอิญเกิดอาการคล้ายเป็นไข้หวัด มีอาการไอ มีน้ำมูก หรืออะไรที่ส่อแววว่าเป็นไข้หวัด ผมจะเอาใบ ฟ้าทลายโจร มากินทันที ในส่วนของผมนั้น ผมจะกินไม่เหมือนกับแฟนผม ผมจะกลัวความขมของมัน ฟ้าทลายโจร นี่ขอบอกว่า มันขมมาก ขมติดปากติดคอเลยทีเดียว ผมจะใช้วิธีการ แตกต่างจากแฟนเล็กน้อย หลบเลี่ยงความขมได้หน่อย ก็คือ พอใส่ใบ ฟ้าทลายโจร 4 - 5 ใบ เข้าปากแล้ว ผมจะเคี๊ยวให้แหลกเพียงเล็กน้อย จากนั้นผมจะดื่มน้ำกลั้วกุ๊ก ๆ ช่วยกลืนลงคอเข้าไปเลย มันก็เหมือนกลืนทั้ง ๆ ที่มันยังมีสภาพเป็นใบอยู่นั่นแหละ มันอาจจะให้ผลทางสมุนไพร ไม่เต็มที่เท่ากับแบบที่แฟนผมทำคือ เคี๊ยวอย่างละเอียด แต่ผมสังเกตแล้ว ก็ต้องถือว่า ได้ผลในทางป้องกันรักษาไขหวัดได้เป็นอย่างดีทีเดียว ตั้งแต่นั้นมา ก็ต้องถือว่า ผมมีอาวุธลับชั้นดีเลิศไว้ต่อสู้กับ ไข้หวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้ว (ผมไม่รู้ว่า ฟ้าทลายโจร จะมีฤทธิ์ในการป้องกันรักษา ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี หรือสายพันธุ์อื่น ๆ หรือไม่ เพราะที่เคยเป็นชัด ๆ ก็เป็นแค่ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ นี่แหละ)

มาระยะหลัง ๆ หลังจากผมเป็น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แล้ว พี่สาวผมก็เป็นไข้หวัด เสียงเสิงเปลี่ยนจมูกบี้หมด พอได้ยินผมบอกสรรพคุณ ฟ้าทลายโจร ชัด ๆ อย่างนี้ ก็ซื้อ ยาฟ้าทลายโจร แบบบรรจุแคปซูล มากินมาใช้ในการรักษาอาการไข้หวัด ไปด้วยเลย (การซื้อหา ยาฟ้าทลายโจร แบบบรรจุแคปซูล ขอให้เลือกจาก ผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือหน่อยนะครับ เดี๋ยวจะได้ ยาฟ้าทลายโจร ที่มันปลอมปน หรือไม่ใช่ของจริง มากิน มันจะไม่ได้ผลในทางป้องกันรักษา) การกิน ยาฟ้าทลายโจร บรรจุแคปซูล นี้ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องกลัวในเรื่องความขม แล้วก็ได้ผลในการป้องกันรักษาค่อนข้างดี เป็นไข้หวัดแป๊บเดียวก็หาย ก็ขอฝากความรู้อันนี้ไว้กับทุกท่าน ที่มีโอกาสผ่านเข้ามาอ่านบล็อก หรือดูวิดีโอของผมครับ เชื่อผมเถอะ คำโบราณที่ว่า "รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม" ยังมีประโยชน์มหาศาลอยู่เสมอ ถึงขนาด ครั้งหนึ่ง ความรู้เรื่องเบรครถยนต์ร้อนแล้วเบรครถไม่อยู่ ที่ผมเคยได้ยินจดจำเอาไว้ ได้ช่วยชีวิตผมและคนในครอบครัวอีก 3 ชีวิต ไม่ให้ตก ดอยอินทนนท์ ตายได้เลยทีเดียว เรื่องนี้ มีโอกาสคราวหน้าผมจะมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ ความรู้ต่าง ๆ ที่คุณแบกอยู่นั้น ไม่ว่าจะ โดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจ คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่า คุณจะได้ใช้ความรู้นั้น ๆ เมื่อไหร่ แต่เชื่อผมเถอะ ความรู้ต่าง ๆ ในโลก มันไม่เปลืองเมมโมรี่สมองของเราเท่าไหร่หรอก แล้วความรู้เรื่อง ฟ้าทลายโจร หรือ ต้นฟ้าทลายโจร เนี่ย ผมรับรองว่า คุณ หรือคนใกล้ชิด ต้องได้ใช้ประโยชน์จากมันอย่างแน่นอน เชื่อหนมกินได้เลย

ก็ขอขอบคุณที่ให้ความสนใจครับ ทุกท่านก็ได้อาวุธลับพิเศษที่ผมนำเสนอให้ใช้ในการป้องกันรักษา ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ กันเป็นที่เรียบร้อย ถ้าผมมีอะไรดี ๆ น่าสนใจ จะได้นำสาระความรู้ มาฝากเป็นประโยชน์กับทุกท่านในโอกาสหน้าต่อไป สวัสดีครับ